บทสุดท้ายของนิยายรัก
๏ จริงหรือนี่ ที่ว่ารัก เราจักร้าว
นึกแล้วหนาว เหน็บนัก แก้วรักเอ๋ย
รสสัมผัส อ่อนละมุน ที่คุ้นเคย
ไยจึงเผย รสร้าง จืดจางกัน
เราเคยร่วม ใจฝัน ว่าวันหนึ่ง
เราจะถึง วันที่งาม เหมือนความฝัน
ฟ้าสีทอง ดอกไม้บาน ธารพระจันทร์
และรักอัน คงค่า สถาพร
ฉันเฝ้ารอ คอยวัน ที่ฝันไว้
รอด้วยรัก ด้วยใจ ไม่ถ่ายถอน
แต่นี่สร้อย สายสวาท มาขาดตอน
เธอกล้ารอน ลงด้วยมือ เธอหรือไร
เมื่อเธอสิ้น เสน่หา มาสนอง
รักที่ปอง มอดหมด ความสดใส
แผลรักร้าย บ่อนทั่ว เนื้อหัวใจ
จะต้องปวด ร้าวไป ถึงไหนกัน
ดอกรักบาน ในหัวใจ ใครทั้งโลก
แต่ดอกโศก บานใน หัวใจฉัน
และอาจเป็น เช่นนี้ ชั่วชีวัน
เมื่อรักอัน แจ่มกระจ่าง กลับร้างไกล
นิยายรัก ยืดยาว ของเรานั้น
คงไร้วัน สดชื่น ขึ้นบทใหม่
หมดความหมาย ที่จะรอ กันต่อไป
เพราะเปลวไฟ รักดับ ลงกับตา ๚
เฉลิมศักดิ์ (ศิลาพร) รงคผลิน
พ.ศ. 2511
๏ จริงหรือนี่ ที่ว่ารัก เราจักร้าว
นึกแล้วหนาว เหน็บนัก แก้วรักเอ๋ย
รสสัมผัส อ่อนละมุน ที่คุ้นเคย
ไยจึงเผย รสร้าง จืดจางกัน
เราเคยร่วม ใจฝัน ว่าวันหนึ่ง
เราจะถึง วันที่งาม เหมือนความฝัน
ฟ้าสีทอง ดอกไม้บาน ธารพระจันทร์
และรักอัน คงค่า สถาพร
ฉันเฝ้ารอ คอยวัน ที่ฝันไว้
รอด้วยรัก ด้วยใจ ไม่ถ่ายถอน
แต่นี่สร้อย สายสวาท มาขาดตอน
เธอกล้ารอน ลงด้วยมือ เธอหรือไร
เมื่อเธอสิ้น เสน่หา มาสนอง
รักที่ปอง มอดหมด ความสดใส
แผลรักร้าย บ่อนทั่ว เนื้อหัวใจ
จะต้องปวด ร้าวไป ถึงไหนกัน
ดอกรักบาน ในหัวใจ ใครทั้งโลก
แต่ดอกโศก บานใน หัวใจฉัน
และอาจเป็น เช่นนี้ ชั่วชีวัน
เมื่อรักอัน แจ่มกระจ่าง กลับร้างไกล
นิยายรัก ยืดยาว ของเรานั้น
คงไร้วัน สดชื่น ขึ้นบทใหม่
หมดความหมาย ที่จะรอ กันต่อไป
เพราะเปลวไฟ รักดับ ลงกับตา ๚
เฉลิมศักดิ์ (ศิลาพร) รงคผลิน
พ.ศ. 2511
No comments:
Post a Comment