Thursday, August 6, 2009

กรณีศึกษา

กรณีศึกษา
(บทบรรณาธิการ หนังสือพิมพ์ชาวไทย ฉบับ มกราคม 2547)
คนญี่ปุ่นชอบเนื้อปลาสดแต่ ทะเลหรือแหล่งน้ำแถบญี่ปุ่นนั้น ไม่มีปลาชุกชุมมานานหลาย ทศวรรษแล้ว ดังนั้นเรือประมงทั้งหลายจึงมีขนาด ใหญ่ขึ้น เพื่อให้สามารถหาปลาได้เพียงพอต่อการ บริโภค ชาวประมงออกไปหาปลาในน่านน้ำที่ไกล ออกไป ยิ่งออกจากฝั่งไปไกลก็ยิ่งใช้เวลานานเวลา นำปลากลับมา ถ้าออกทะเลไปนาน เกิน 2-3 วัน ปลา ก็จะไม่สดและคนญี่ปุ่นไม่ชอบรสชาติแบบนั้นวิธีแก้ ปัญหาก็คือ
บริษัทประมงทำการติดตั้งตู้แช่แข็งเอาไว้บนเรือ พอจับ ปลาได้ก็เอาใส่ไว้ในตู้แช่แข็งตั้งแต่ตอนที่ยังอยู่ในทะเล ทำให้พวกชาวประมงสามารถ ออกไปหาปลาได้ไกล จากฝั่งมากขึ้น แต่ว่าคนญี่ปุ่นก็สามารถแยกความ แตกต่างในรสชาติของเนื้อปลาสดกับเนื้อปลาแช่แข็ง ได้อยู่ดี และพวกเขาก็ไม่ชอบปลาแช่แข็งเสียด้วย ปลาแช่แข็งจึงมีราคาถูก เมื่อเป็นเช่นนั้นบริษัทประมงจึง ทำการติดตั้งแท้งค์น้ำ แล้วเอาปลาที่จับได้ใส่ลงไป แต่พอถูกเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาและต้องโคลงเคลงอยู่ใน แทงค์นานๆเข้าปลาก็ไม่ยอมว่าย มันอ่อนล้าแล้วก็ เซื่องซึมลงแม้จะยังมีชีวิตอยู่ก็ตาม
โชคไม่ดีที่คนญี่ปุ่นก็ยังสามารถแยกความแตกต่าง ในรสชาติของเนื้อปลาได้อยู่เหมือนเดิม ปลาเหล่านั้น ไม่ให้รสชาติความสดใหม่เสียแล้ว เพราะว่ามันไม่ได้ ว่ายมาหลายวัน คนญี่ปุ่นชอบรสชาติความสดของ ปลาใหม่ๆมากกว่าปลาเฉื่อยๆแบบนั้น บริษัทประมง ญี่ปุ่นแก้ปัญหานี้อย่างไร? พวกเขาจะจับปลาที่ให้ รสชาติของความสด ใหม่กลับประเทศอย่างไร? หากคุณ จะให้คำปรึกษาแก่อุตสาหกรรมประมงคุณจะแนะนำ อย่างไร?
เสือ... ไม่ยอมกินเหยื่อที่ตายแล้ว
คน.... ก็ไม่ชอบกินปลาที่ตายแล้วเหมือนกัน
บางทีการเป็น “ของตาย” มันก็ไม่น่าสนใจอะไร อีกต่อไป ทางแก้ปัญหาเรื่องปลาของญี่ปุ่น ... ง่ายนิดเดียว ชาว ประมงญี่ปุ่นเค้าจะใส่ปลาไว้ในแทงค์แล้วก็ใส่ ”ปลา ฉลาม” ลงไปในแต่ละแทงค์ด้วย ปลาฉลามอาจ กินปลาไปนิดหน่อยแต่มันทำให้บรรดาปลาส่วนใหญ่ มีชีวิตชีวามากขึ้น ปลาก็ผจญกับเรื่องท้าทาย ไม่เบื่อ หน่าย ไม่เป็นปลาที่รอวันตาย ความท้าทายที่พอดี ทำให้ เราสนุกกับปัญหาสนุกกับสิ่งกระตุ้นใหม่ๆที่เข้ามา
ครับ... ที่ยกเรื่องอ้างมาทั้งหมดนี้ผมเพียงต้องการ อธิบายว่าทำไม ผมจึงหาเรื่องมาทำหนังสือชาวไทยให้ พวกเราอ่านกัน ไม่ใช่เรื่องสนุกอะไรหรอกครับ เมื่อ 8 ปี ที่แล้วผมก็คิดว่าน่าจะทำสื่ออะไรออกมาสำหรับคนไทย สักหน่อย พอที่จะไม่ให้ชีวิตพวกเราในต่างแดนมัน อัปเฉาจนเกินไป ถึงวันนี้ผมก็ยังคิดอยู่เหมือนเดิม การทำอะไรที่มันท้าทายความสามารถออกมาบ้าง ผม คิดว่าผมได้กำไรชีวิตนิดหน่อย และขอแบ่งปันกำไรให้ พวกเราชาวไทยบ้างเล็กน้อย ผมว่าเราได้ความยุติธรรม ขนาดกำลังเหมาะ ยกเป็นกรณีศึกษาก็ได้ครับ.

Cheese


ความรู้เรื่อง ชีส

เมื่อเอ่ยถึง ชีส (cheese) หลายท่านคงเข้าใจว่า ชีส ก็คือ เนย แต่ที่จริงแล้ว เนย คือไขมันล้วน ๆ ที่ถูกแยกออกมาจากไขมันนมสด สำหรับ ชีส คือผลิตภัณฑ์นม ซึ่งเปลี่ยนลักษณะไปเป็นของแข็งด้วยกระบวนการทางอุตสาหกรรมอาหาร โดยการเติมเชื้อจุลินทรีย์ลงไปในนม ให้นมจับกันเป็นลิ่ม และแยกตัวเป็นชั้นของแข็งเรียกว่า “เคิร์ด” ซึ่งในส่วนนี้จะถูกนำมาทำเป็น ชีส และในชั้นของเหลวเรียกว่า “เวย์” ที่มีคุณค่าทางอาหารจะถูกนำไปเลี้ยงสัตว์ บางครั้งยังสามารถนำไปทำยา หรือเครื่องบำรุงผิวเมื่อทราบว่า ชีส คืออะไรแล้ว ต่อไปจะเล่าว่า ชีส มีคุณค่าทางโภชนาการอย่างไรบ้าง ชีส เป็นแหล่งอาหาร ที่ประกอบไปด้วยโปรตีน แคลเซี่ยม ฟอสฟอรัส สังกะสี สูงไม่แพ้นม และวิตามินบี 12 ของอาหารประเภทมังสะวิรัตน์อีกด้วย ขณะที่มีน้ำตาลแลคโตสในอัตราที่ต่ำกว่านม ซึ่งเป็นผลดีต่อผู้ที่มีปัญหาในการดื่มนม
สำหรับท่านที่มีปัญหาในการดื่มนม อธิบายเพิ่มเติมดังนี้ บางคนร่างกายขาด “น้ำย่อยแลคโตส” หรือมีน้อย ทำให้เมื่อดื่มนมแล้ว ร่างกายไม่สามารถที่จะย่อย
น้ำตาลแลคโตสที่มีอยู่ในนมได้ ส่งผลให้น้ำตาลแลคโตสที่เหลืออยู่ในร่างกายผ่านเข้าสู่ลำไส้ใหญ่ และถูกย่อยโดยแบคทีเรีย จนเกิดการหมักหมมเป็นก๊าซ และกรด ทำให้เกิดอาการท้องอืด ท้องเสีย หรือปวดท้อง ดังนั้นผู้ที่มีปัญหาในการดื่มนม จึงหันมารับประทาน ชีส แทนโดยไม่เกิดอาการแพ้เหมือนการดื่มนมเนื่องจาก ชีส เป็นอาหารที่มีสารอาหารเข้มข้น ชีส จึงเหมาะสมสำหรับเด็กวัยกำลังเจริญเติบโต ซึ่งต้องการอาหารที่มีพลังงาน และสารอาหารสูง โดยเฉพาะโปรตีน และแคลเซี่ยมซึ่งเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของเนื้อกระดูก ช่วยทำให้กระดูกแข็งแรง และสามารถป้องกันโรคกระดูกพรุนได้ การเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแกร่งควรจะเริ่มตั้งแต่วัยเด็กจนเป็นผู้ใหญ่ และเข้าสู่วัยสูงอายุนอกจากนี้ ชีสยังเป็นอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพฟัน เพราะมีน้ำตาลในปริมาณต่ำ แต่มีโปรตีนในรูปของแคลเซี่ยมที่ช่วยเคลือบผิวฟัน และป้องกันฟันผุ การรับประทาน ชีส อาจจะได้รับไขมันมากกว่าการดื่มนมเล็กน้อย แต่จะให้คุณประโยชน์มากกว่า การรับประทานเค้ก คุกกี้ หรือช็อกโกแลต ซึ่งให้แต่พลังงาน และไขมันเป็นส่วนใหญ่ ในขณะที่ ชีส ให้สารอาหารที่มีประโยชน์มากมายเหมือนนม สำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องน้ำหนัก อาจเลือกรับประทาน ชีส ที่ทำจากไขมันต่ำ เพราะจะมีคลอเรสเตอรอลต่ำด้วยเช่นกัน ดังนั้น ชีส จึงเป็นอาหารที่เหมาะสำหรับบุคคลทุกเพศทุกวัย
“น้ำตาลแลคโตส” ที่มีอยู่ในนมได้ ส่งผลให้น้ำตาลแลคโตสที่เหลืออยู่ในร่างกายผ่านเข้าสู่ลำไส้ใหญ่ และถูกย่อยโดยแบคทีเรีย จนเกิดการหมักหมมเป็นก๊าซ และกรด ทำให้เกิดอาการท้องอืด ท้องเสีย หรือปวดท้อง ดังนั้นผู้ที่มีปัญหาในการดื่มนม จึงหันมารับประทาน ชีส แทนโดยไม่เกิดอาการแพ้เหมือนการดื่มนม
เนื่องจาก ชีส เป็นอาหารที่มีสารอาหารเข้มข้น ชีส จึงเหมาะสมสำหรับเด็กวัยกำลังเจริญเติบโต ซึ่งต้องการอาหารที่มีพลังงาน และสารอาหารสูง โดยเฉพาะโปรตีน และแคลเซี่ยมซึ่งเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของเนื้อกระดูก ช่วยทำให้กระดูกแข็งแรง และสามารถป้องกันโรคกระดูกพรุนได้ (การเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแกร่งควรจะเริ่มตั้งแต่วัยเด็ก จนเป็นผู้ใหญ่ และเข้าสู่วัยสูงอายุ) นอกจากนี้ ชีส ยังเป็นอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพฟัน เพราะมีน้ำตาลในปริมาณต่ำ แต่มีโปรตีนในรูปของแคลเซี่ยมที่ช่วยเคลือบผิวฟัน และป้องกันฟันผุ
การรับประทาน ชีส อาจจะได้รับไขมันมากกว่าการดื่มนมเล็กน้อย แต่จะให้คุณประโยชน์มากกว่า การรับประทานเค้ก คุกกี้ หรือช็อกโกแลต ซึ่งให้แต่พลังงาน และไขมันเป็นส่วนใหญ่ ในขณะที่ ชีส ให้สารอาหารที่มีประโยชน์มากมายเหมือนนม สำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องน้ำหนัก อาจเลือกรับประทาน ชีส ที่ทำจากไขมันต่ำ เพราะจะมี คลอเรสเตอรอล ต่ำด้วยเช่นกัน ดังนั้น ชีส จึงเป็นอาหารที่เหมาะสำหรับบุคคลทุกเพศทุกวัย

Garlic & Pepper


กระเทียมพริกไทย
อาหารไทยที่อร่อยแบบง่ายๆ อีกจานหนึ่ง น่าจะเป็นพวกผัดหรือทอดกระเทียมพริกไทย ที่สามารถหยิบเอาพวกเนื้อสัตว์ หรืออาหารทะเล อะไรก็ได้มาทำกระเทียมพริกไทย