Sunday, December 13, 2020

“ หลงอนงค์ “ " กลิ่นราตรี " " ความทรงจำ ที่ไม่เคยลืมเลือน "

 “ หลงอนงค์ “


~กลอนแปดสุภาพ~


๐พี่เผลอมอง  สองเนตร  แม่เกศแก้ว


   หลงรักแล้ว  อนงค์นุช  สุดไหลหลง


   ทั้งเนตรปราง  หว่างคิ้ว  นิ้วอนงค์


   อีกทรวดทรง  องค์งาม  อร่ามตาฯ


๐ดุจดังเทพ  สรรสร้าง  ให้นางน้อง


   นวลละออง  นงนุช  สุดสรรหา


   ให้ชายหลง  ยามพบ  สบยุพา


   เยาวภา   คนดี   แม่ศรีเรือนฯ


๐บุญพี่มี   ไม่พอ   จะรอเจ้า


   มีแต่เศร้า ร้าวใจ ดังใครเฉือน


   เจ้าเป็นดาว  แต่พี่  มิใช่เดือน


   ต้องลาเลือน เลื่อนลับ ดับประกายฯ


๐ลาแล้วลา  กานดา  ยุพาพี่


   ลาคนดี   เฉิดฉวี   มณีฉาย


   ลาเมฆฝน  บนฟ้า  ดาราราย


   ใจสลาย  เพราะหลง  อนงค์นางฯ


   ต๋อย.(คนพเนจร)


   ๒๕  พฤศจิกายน  ๒๕๖๓


" กลิ่นราตรี "


~กลอนแปดสุภาพ~


๐วิหคน้อย ลอยเล่นลม ชมพฤกษา


   บินไปมา   เคียงคู่   ดูสุขสม


   เมฆาเคลื่อน เลื่อนรับ กับสายลม


   น้ำค้างพรม  ชมชื่น  รื่นราตรีฯ


๐ ดาวดวงน้อย ลอยเลื่อน เกลื่อนเวหา


   เดือนดารา   งามสลับ   ขับแสงสี


   จันทราทอ   แสงอ่อน   ผ่อนฤดี


   เฉิดฉวี   งามรับ   จับนภาฯ


๐ เสียงขลุ่ยครวญ พลิ้วมา เพลาค่ำ


   ช่างดื่มด่ำ   เร้าใจ   ดังใฝ่หา


   เสนาะโสต  โลดลิ่ว  ปลิวลมมา


   สุขหรรษา  ไพเราะ  เกาะกินใจฯ


๐ กลิ่นราตรี   ลอยลม   ให้ชมชื่น


   หอมระรื่น   รื่นรมย์   พรมไสว


   นอนคนเดียว เปลี่ยวจิต สกิดใจ


   ไม่มีใคร   มีแต่ลม   ชมแต่เงาฯ


   ต๋อย.(คนพเนจร)


   ๒๖ ตุลาคม ๒๕๖๒


" ความทรงจำ ที่ไม่เคยลืมเลือน "


-: กลอนแปดสุภาพ :-


๐ ว่าถึงเพลง   สากล   ในอดีต


   จึงอยากขีด  เขียนไว้  ให้ได้รู้


   ของBeatles ก็มี Love me do


   Close to you ก็เพราะ เสนาะจังฯ


๐ Bernadine    ได้ยิน    ก็ร้องอ๋อ


   เคยร้องคลอ ตามเสียง สำเนียงขลัง


   One last kiss ตอนหนุ่ม ก็ชอบฟัง


   ทั้งToo young, Let it be, She love youฯ


๐ Simon Say,  My way, Crazy Love


   ฟังแล้วเงิบ    ไพเราะ    เสนาะหู


   คนรุ่นหลัง   ควรหา   มาฟังดู


   G.I.Blue, Summer Kiss, Elvis ครวญฯ


๐ The young one   ดังอยู่   มิรู้เบื่อ 


   Poor Boy เจือ  แสนเศร้า  เรากำศรวล


   I'm Sorry,  Brenda Lee  พี่รัญจวน


   โอ้เนื้อนวล  พี่หวนคิด  I miss youฯ


๐ ฟังGreenflied, Brother Four โอ้โห้เพราะ


   แสนเสนาะ   ไพเราะ   เสนาะหู


   ส่วน Johnny  Horton  ก็ชั้นครู


   Only You,  Patterครวญ  รัญจวนใจฯ


๐ The mansion you stone ก็ oldy


   อีก Pretty   Woman   ก็สดใส


   เป็นผู้หญิง  บานฉ่ำ  ตำทรวงใน


   More than I,  can say  ไม่เรรวนฯ


๐ ที่เขียนมา  เพียงนิด  ใคร่คิดบอก


   เพียงย้อนยอก  เอาไว้  ให้ใจหวน


   พเนจร   ท่องเที่ยวไป   ใจรัญจวน


   แค่คร่ำครวญ  ใช่กวี   ศรีสำอางค์ฯ


๐ ขอลาแล้ว   ลาคนดี   มณีนุช


   งามผ่องผุด สุดนภา อย่าหมองหมาง


   ฟังดนตรี   แล้วชื่นใจ  ไม่อำพราง


   ทุกนายนาง   จงมีสุข   ทุกทิวาฯ


   ต๋อย. ( คนพเนจร )


   ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ @ ๑๗.๐๐ น.


"ดาวรู้ไหม" 


๐เมื่อเหน็ดเหนื่อย เมื่อยล้า และว้าเหว่ 


ขวัญจะเร่ ร่อนคว้าง ถึงกลางหาว 


แล้ววอนถาม ความหมอง ของหมู่ดาว 


ซ่อนแสงพราว พรุบหรู่ อยู่ทำไม



๐เห็นใครคว้าง อย่างนี้ มีไหมเล่า 


  จะว่าเศร้า ก็ไม่เศร้า ...ดาวรู้ไหม 


  หากแต่ว่า แพ้ตัว แพ้หัวใจ 


  ที่เฉยเมย ซ่อนไว้ ซึ่งไยดี



๐เห็นเคยเห็น ดาวคว้าง อย่างคนเคว้ง 


  ปลอบตัวเอง อุ่นใจ อย่างไรนี่ 


  หรือแอบหมอก หยอกฟ้า มานานปี 


  จนดาวมี ฟ้าเสมือน เป็นเพื่อนคิด



๐อิจฉาดาว พราวแสง เหมือนแสร้งเยาะ 


  กระทบเหมาะ แววว้าง ตรงกลางจิต 


  ตาจึงวาบ ปลาบละห้อย เพียงน้อยนิด 


  แล้วเม้นมิด ซ่อนหมาง อยู่อย่างเดิม



๐เพราะรักสิทธิ์ อิสระ เกินจะทุกข์ 


  จึงซ่อนซุก ความรู้สึก ไม่ฮึกเหิม 


  เมื่อดาวหมาย ปรายตา มาเยาะเติม 


  ชีวิตเพิ่ม สิ่งใด...รู้ไหมดาว



๐เพิ่มชีวิต เข้มแข็ง ให้แกร่งกล้า 


  ให้เชิดหน้า ท้ามอง ถึงห้องหาว 


  ยิ้มเยาะโลก โชคชะตา มานานยาว 


  ซ่อนน้ำพราว ท่วมทั่ว รดหัวใจ



ม.ร.ว. อรฉัตร ซองทอง เป็นตำนานของนักกลอนอักษรศาสตร์ยุคชมรมวรรณศิลป์


ชีวิตเราถ้าเหมือนเรือ  ของ ประยอม ซองทอง 
ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ประจำปี พ.ศ. 2548 แต่งเมื่อ พ.ศ. 2502


๐ชีวิตเรา ถ้าเหมือนเรือ เมื่อออกท่า

 ไม่รู้ว่า ค่ำนี้ นอนที่ไหน

 จะลอยล่ม จมน้ำ คว่ำลำไป

 หรือสมใจ จอดฝั่ง…ก็ยังแคลง


๐ได้แต่ดื่ม น้ำตา เมื่อฟ้าร่ำ

 ยิ่งยามย่ำ สายัณห์ ยิ่งกรรแสง

 ถูกลมหวน หอบข่ม ระดมแรง

 จึงรู้แล้ง หมดแล้ว น้ำแก้วตา


๐เพราะหากมัว มาร่ำ กำสรวลอยู่

 ไหนจะรู้ ทรงเรือ บ่ายเมื่อหน้า

 ต้องตักพาย หมายขืน ฝืนลมฟ้า

 ไร้เวลา อาดูร พอกพูนใจ


๐สติตรง ตาแน่ว ดูแนวน้ำ

 ไม่ลอยลำ ขวางเรือ เมื่อน้ำไหล

 ถ้าไม่ล่อง ก็ท่องทวน สวนทันใด

 เรือจึ่งได้ แนวดิ่ง ไม่ทิ้งทาง


๐ในโลกนี้ มีสิ่ง ต้องวิ่งแข่ง

 ถ้าหย่อนแรง ราข้อ ต่อเข้าบ้าง

 ก็จะแพ้ แย่ยับ ถึงอับปาง

 อย่าหมายร่าง เราจะอยู่ สู้หน้าใคร


๐ชีวิตเรา ถ้าเหมือนเรือ เมื่อออกท่า

 ต้องรู้ว่า ค่ำนี้ นอนที่ไหน

 ต่อรุ่งเช้า ก้าวอีกขั้น มรรคาลัย

 กว่าวันชัย สมประสงค์ ถือธงชู

" ทะเลระยอง " " เด็ดดอกฟ้า " “รังรักในจินตนาการ” " สุดปรารถนา " "หากหัวใจฉันมีปีก" “ เรื่องของจิต “

 " ทะเลระยอง "


-:กลอนแปดสุภาพ:-


๐ มองทะเล ยามเช้า แสนพราวเพริด


   ฟ้าบรรเจิด เกิดเกาะ เลาะสวรรค์


   มีคลื่นลม ชมชื่น รื่นทั้งวัน


  เหมือนสวรรค์ บนดิน ถิ่นระยองฯ


๐ สกุณา  ผกผิน  บินเคียงคู่


   เมื่อแลดู  โอปักษี  ยังมีสอง


   แต่ตัวเรา  ไร้คู่คิด  ชิดประคอง


   ได้แต่มอง  เพียงเงา  เศร้าหทัยฯ


๐ อยากฝากรัก ไปกับคลื่น ให้ชื่นจิต


   ให้ชมชิด  สนิทแนบ  แอบไฉน


   คลื่นเห่กล่อม ทรายซัด สบัดไป


   ทะเลไกล มีคลื่นลม ชมทุกวันฯ


๐ โอ้ทะเล  ระยอง  สองฟากฝั่ง


   คลื่นลมยัง เร้าจิต คิดใฝ่ฝัน


   มองทะเล  คราใด  ใจรำพัน


   ฝากสัมพันธ์ ฝากรักไว้ แนบใจเธอฯ


   ต๋อย.(คนพเนจร)


   ๑๘ พ.ย.๖๑ @ ๐๙.๔๕ น.


" เด็ดดอกฟ้า "


~กลอนตลาด~


๐ อยากจะเด็ด  ดอกฟ้า  มาถนอม


   กลัวต้องตรอม อกตรม ระทมไหม้


   เด็ดดอกหญ้า ริมทาง กลางพงไพร


   คงไม่ไกล  เอื้อมคว้า  มาดอมดมฯ


๐ เป็นแค่กา ไม่หาญกล้า ไข้วคว้าหงส์


   มาร่วมวงค์   เคียงคู่   ดูไม่สม


   เด็ดพยอม  ดอกหญ้า  มาดอมดม


   พอชื่นชม   สมสู่   เป็นคู่กายฯ


๐ แม้หัวใจ  อยากดม  ชมดอกฟ้า


   แต่นภา  กว้างไป  เกินใจหมาย


   สุดจะคว้า  ดอกฟ้า  มาแนบกาย


   ยังไม่วาย  แหงนชม  แม้ตรมใจฯ


๐ ดอกฟ้าเอ๋ย เคยหวังชม ภิรมย์เจ้า


   หลงมัวเมา  มองนภา  ฟ้าผ่องใส


   ดุจกระต่าย หลงจันทรา บนฟ้าไกล


   เพราะหัวใจ ไม่ตรอง จึงหมองมัวฯ


   ต๋อย.(คนพเนจร)


   ๒๕ เมษายน ๒๕๖๓



“รังรักในจินตนาการ”


~ กลอนแปดสุภาพ ~


๐ เคยฝันว่า  จะสร้าง  วิมานรัก


    บรรจงปัก   ริมวารี   นทีใส


    เจ้าพระยา โอ้มหา  ชลาลัย


    รวมสองใจ เอาไว้ เป็นหนึ่งเดียวฯ


 ๐ รังรักใน  จินตนา  จะพาสุข


     จะร่วมทุกข์  สุขใจ  ไม่เฉลียว


     สร้างเรือนหอ  รอรัก  สลักเกลียว


     กับรูปเรียว  เกี่ยวก้อย  ร้อยหทัยฯ


 ๐ ริมหน้าต่าง  ปลูกลัดดา  ชบาด้วย


     ดอกแพงพวย เลื้อยเลาะ เกาะอาศัย


     ห้องนอนมี   สีฟ้า   พาวิไล


     สุกสดใส  เรืองรอง  เมื่อมองดูฯ


 ๐ ริมธารา  น่าชื่นชม  ภิรมย์รื่น


     หัวใจชื่น  ระรื่นจิต  คิดถึงคู่


     อยากให้ฝัน  เป็นจริง  ยิ่งพธู


     ได้ครองคู่  สานฝัน  ฉันและเธอฯ


     ต๋อย.(คนพเนจร)


     ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๓


" สุดปรารถนา "


-:กลอนแปดสุภาพ:-


๐ สุดปรารถนา สุดจะคว้า มาแนบกาย


   สุดเสียดาย   หายหัก   รักขื่นขม


   เพราะรักเธอ  หลงเธอ  ละเมอชม


   จึงระทม   ขมจิต   ชิดชมเงาฯ


๐ สุดชีวิต   คิดครวญ   รัญจวนหา


   สุดฟากฟ้า  แสนไกล  หัวใจเหงา


   ปรารถนา   เพียงนุช   สุดบรรเทา


   เพราะใจเรา  เขลาจิต  คิดไปเองฯ


๐ สุดฟากฟ้า  แสนไกล  ยามไกลห่าง


   สุดอ้างว้าง   หว่างใจ   ใยข่มเหง


   แหงนมองฟ้า  ก้มดูดิน  ถวิลเกรง


   แสนวังเวง  เคว้งอยู่  แต่ผู้เดียวฯ


๐ ปรารถนา   ทำไม   ให้ใจเศร้า


   ให้ปวดร้าว  เพราะใจ  ไม่เฉลียว


   จึงเจ็บช้ำ  เพราะหลง  รักรูปเรียว


   รักข้างเดียว  ดูแต่รูป  จูบแต่ลมฯ


   ต๋อย. ( คนพเนจร )


   ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ @ ๑๗.๔๕ น.


"หากหัวใจฉันมีปีก"


~กลอนแปดสุภาพ~


๐หากหัวใจ  มีปีก  คงหลีกลี้


  คงบินหนี  รักไป  ไกลสุดหล้า


  เพราะหัวใจ  ของพี่  ถูกบีฑา


  วาสนา   ของพี่   มีไม่พอฯ


๐เคยมอบใจ เอาไว้ ให้เธอรับ


  แต่เธอกลับ ร้างไป ไกลห้องหอ


 ใจดวงนี้  เลยเศร้า  เฝ้าแต่รอ


  คนยกยอ  เธอมาก  เลยจากจรฯ


๐หากหัวใจ  ของพี่  นั้นมีปีก


  คงบินหลีก  จากไป  ไกลสมร


  จะบินลับ  ไม่กลับมา  หาบังอร


  เพราะร้าวรอน อกหัก หลงรักเธอฯ


๐จึงเขียนกลอน  ฝากไว้ ให้ได้รู้


  ไม่ขออยู่  อย่างคน  ทนเสมอ


  นิยายรัก  เรื่องนี้  ไม่มีเธอ


  พี่หลงเพ้อ หลงทางอยู่ แต่ผู้เดียวฯ


  ต๋อย.(คนพเนจร)


  ๔ มกราคม ๒๕๖๓


 “ เรื่องของจิต “


~กาพย์ยานี ๑๑”


•จิตคน       วนเวียนว่าย


  จิตไม่หน่าย  ในกงกรรม


  จิตตน        เป็นตัวทำ


  จิตถลำ      ในกรรมกงฯ


•จิตถือ         อนันตา


  จิตจึงพา     จิตต่ำลง


  จิตตัว          ไม่คิดปลง


  จิตพะวง      ลงอบาย


•จิตเป็น        ตัวกำหนด


  จิตทั้งหมด  กำหนดกาย


  จิตเรา          เป็นเจ้านาย


  จิตนำกาย   ไปสู่กรรมฯ


•จิตดี              กระทำดี


  จิตไม่ดี         ไม่มีธรรม


  จิตนี้              เป็นตัวนำ


  จิตมุ่งธรรม  นำสุขเอยฯ


  ต๋อย.(คนพเนจร)


  ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๒

"บางหลวง" " จำปี จำปา " " คลื่นละเมอฝั่ง " "แสนอาลัย" ฝนสั่งฟ้า "ท่าแฉลบ จันทบุรี"

 "บางหลวง"


-:กลอนแปดสุภาพ:-


๐คลองบางหลวง หน่วงจิต คิดถึงเจ้า

  

   ฤดีเศร้า   ห่วงหา   มารศรี


   บางหลวงเอ๋ย ฝั่งคลอง สองชีวี


   มองนที  สัญญามั่น  ฉันและเธอฯ


๐สาวบางหลวง ลวงใจ ให้หลงผิด


   ลวงให้คิด   ว่ารักจริง   สิ่งเสนอ


   หลอกพี่คอย ปากคลอง มองละเมอ


   ให้พี่เหม่อ มองหา ยอดยาใจฯ


๐สองฝั่งคลอง น้ำนอง ทั้งสองฝั่ง


   น้ำตาหลั่ง ฝั่งคลอง พี่หมองไหม้


   พี่ต้องเพ้อ ครวญคร่ำ ร่ำอาลัย


   ช้ำหทัย  จำพราก  ที่ปากคลองฯ


๐ไม่นึกเลย ต้องมาช้ำ ระกำอก


   น้ำตาตก   อกช้ำ   กรรมสนอง


   เจ้าหลอกพี่ ให้เพ้อ ให้เหม่อมอง


   พี่จึงหมอง เหม่อมอง คลองบางหลวงฯ


ต๋อย.(คนพเนจร)


๑๐/๑๑/๖๐ @ ๒๐.๒๐ น.


" จำปี จำปา "


กลอนแปดสุภาพ


๐น่าฉงน  นักนี่  จำปีเอ๋ย


ถูกชมเชย ดึงเล่น เช่นขนม


ใครใครเห็น ก็อยาก จะเชยชม


ชอบเด็ดดม ชมกว่า จำปาทองฯ


๐เพราะจำปี  นั้นดี  และมีค่า


คนนำมา ร้อยมาลัย เป็นชายสอง


หญิงผูกไว้ ปลายผม ให้ชมมอง


ชายอยากลอง เด็ดดม ชมเช่นกันฯ


๐แต่จำปา  เกิดมา  กลับอาภัพ


คนไม่รับ  ว่าดี  เพราะสีสัน


อีกกลิ่นเจ้า ไม่อาจ เทียบเทียมทัน


ดุจดวงจันทร์ ยามอับ ลับแสงนวลฯ


๐เปรียบสตรี งามแต่รูป จูบไม่หอม


มีชายตอม แต่ลาลับ ไม่กลับหวล


ปล่อยให้เหงา เศร้าจิต คิดรัญจวน


ว่าหญิงควร  เป็นจำปี  หรือจำปาฯ


ต๋อย(คนพเนจร)


13 Feb 2013


" คลื่นละเมอฝั่ง "


-:กลอนแปดสุภาพ:-


๐ คลื่นละเมอ  เพ้อพบ  กระทบฝั่ง


   สายชลหลั่ง  พรั่งพรู  ดูเป็นสาย


   เหมือนชีวิต  เกิดมา  แล้วลาตาย


   ดุจดังทราย  คายคลื่น  คืนทะเลฯ


๐ ดั่งพฤกษา   มีลม   ให้ชมชื่น


   ลมพัดคลื่น  พริ้วไป  ไม่หันเห


   ธรรมชาติ  กำหนดไว้  ไม่รวนเร


   ไม่ไฉเฉ    เฉไฉ    ดั่งใจคนฯ


๐ ฝั่งยังคอย  คลื่นอยู่  รู้หรือเปล่า


   หาดทรายขาว รอคลื่น คืนอีกหน


   ลมช่วยพา  คลื่นมา  หาฝั่งชล


   ให้ฝั่งยล  ชมคลื่น  ทุกคืนวันฯ


๐ คลื่นละเมอ  เผลอไป  ที่ไหนเล่า


   หัวใจเศร้า  เหงาจิต  นั่งคิดฝัน


   คลื่นกับฝั่ง  เคียงคู่  อยู่ด้วยกัน


   ร้อยสัมพันธ์  ละเมอสั่ง  ฝั่งนทีฯ


   ต๋อย. ( คนพเนจร )


   ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ @ ๑๗.๐๐ น.


"แสนอาลัย"


~กลอนแปดสุภาพ~


๏จากไปแล้ว   แก้วตา   วิฬาร์พ่อ


   น้ำตาคลอ เศร้าโศก วิโยคหวน


   เลี้ยงเจ้ามา   เก้าปี   มณีนวล


   เจ้ามาด่วน  จากไป  อาลัยลาฯ


๏เคยคลอเคลีย เลียหน้า เคล้าขาพ่อ


   เคยนั่งรอ   เฝ้าคอยดู   รู้ภาษา


   ไม่ดื้อรั้น  เรียกเหมียว  เดี้ยวก็มา


    เจ้าจากลา   ทิ้งพ่อไป   อาลัยกันฯ


๏ แม้นชาติหน้า  เกิดใหม่  คงได้พบ


   ได้ประสบ เป็นญาติมิตร ดังคิดฝัน


    อย่ารู้ร้าง   ห่างไกล   ใจสัมพันธ์


    ให้พบกัน  ทุกชาติ  อย่าคลาดคราฯ


๏ สลักลักษณ์  อักขรา  มาให้เจ้า


   ด้วยความเศร้า และคิดถึง คนึงหา


   จะรักเจ้า   ฝังในจิต   ติดอุรา


   สุขเถิดหนา  ยอดแมวดี  สามสีเอยฯ


12/11/2558 @ 12.02 น. พ่อต๋อย.


" ฝน สั่ง ฟ้า "


-:กลอนแปดสุภาพ:-


๐ ฝนสั่งฟ้า   คราใด   ใจก็คิด


   ถึงชีวิต ที่ผ่านไป คล้ายน้ำไหล


   บ้างเชี่ยวกราก ชะวากวับ สลับไป


   ระลอกไล้   รินหลั่ง   ฝั่งธาราฯ


๐ ยามฝนมา  ฟ้ามัว  ทั่วทุกทิศ


   นภาปิด   มิดมัว   ทั่วทิศา


   ชโลมไล้  ทั่วทิศ  มิดคันนา


   ฝูงนกกา  หลบหาย  กายจากจรฯ


๐ พอฝนซา  ฟ้าสว่าง  กระจ่างใส


   นกกาไซ้  สลัดปีก  แล้วหลีกถอน


   ถลาบิน   ลาลับ   กลับรังนอน


   หมู่ภมร   เริงร่า   ถลาลมฯ


๐ มองชีวิต  สกุณา  ช่างผาสุก


   ไม่มีทุกข์  คืนวัน  มันสุขสม


   แต่ชีวิต  คนเรา  เศร้าระทม


   ต้องตรอมตรม เพราะจิต ไม่คิดพอฯ


   ต๋อย. ( คนพเนจร )


   ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ @ ๑๗.๐๐ น.


"ท่าแฉลบ จันทบุรี"


~กลอนแปดสุภาพ~


*งามเหลือเกิน เพลินพิศ จิตประหวั่น


   ช่างสุขสันต์   มองภู   ดูพฤกษา


   เห็นแพน้อย ลอยล่อง ท้องธารา


   เห็นมัจฉา ว่ายเวียนวน ชลธารฯ


*ท่าแฉลบ เปลี่ยวใจ ยามไร้เจ้า


   ท่าแฉลบ แสนเศร้า เฝ้าสงสาร


   ท่าแฉลบ ไม่เหมือน กับวันวาน


   ท่าแฉลบ ไม่สราญ ขาดหวานใจฯ


*จำลาจาก เมืองจันท์ เคยฝันหา


   โอ้จันทร์จ้า ยามมอง เจ้าผ่องใส


   จันทร์ส่องแสง แรงกล้า ฟ้าอำไพ


   ทุกคืนใคร่ สีนวล ชวนให้มองฯ


*มาคืนนี้   จันทรา   ไม่ส่องแสง


  จันท์สิ่นแรง แลไป ใจก็หมอง


  ท่าแฉลบ เมืองจันท์จ๋า ฟ้าสีทอง


  ขอลาน้อง ทิ้งใจ ไว้กับจันท์ฯ


16/11/2559 @ 21.49 น. ต๋อย.(คนพเนจร)

 

รำพึง รำพัน, ไม่อยากให้โลกนี้มีความรัก, ถึงเพื่อนยังอยู่, บ้านไร่ปลายนา, "รักดอกจึงบอกเจ้า"

 " รำพึง-รำพัน "


~กลอนแปดสุภาพ~


๐แม้ไม่มี  กาพย์กลอน  วอนมาให้


  แต่มีใจ   มอบไว้   ให้เสมอ


  ไม่มีสิ่ง   อื่นใด   จะให้เธอ


  นอกจากเพ้อ ห่วงหา และอาทรฯ


๐อยากฝากรัก ไปกับลม ให้ชมเจ้า


  ฝากความเศร้า คนึงนิจ จิตสังหรณ์


  ถึงไม่คิด   จิตก็ฝัน   พลันนิวรณ์


  ยังอาวรณ์  ยามนิทรา  ยังอาลัยฯ


๐อนิจจัง   อนิจจา   ชราภาพ


  ไม่มีลาภ  ยศถา  ให้อาศัย


  ดุจลมพัด ผ่านมา แล้วลาไป


  เหลือเอาไว้ เพียงธุลี ไม่มีเลยฯ


๐ถ้าคิดได้  ยังไม่สาย  ก่อนตายจาก


  เหลือแค่ซาก  ความดี  มีเฉลย


  ซากความเศร้า ทุกข์ใจ ใคร่ภิเปรย


  จะเฉยเมย  ลืมลับ  ก่อนหลับลงฯ


  ต๋อย.(คนพเนจร)


  ๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๒


"ไม่อยากให้โลกนี้ มีความรัก"


-: กลอนแปดสุภาพ :-


๐ อันแสงสูรย์ ส่องสว่าง พร่างกลางวัน


   อันแสงจันทร์  ส่องนภา  ยามราตรี


   อันความรัก   ส่องสุข   ทุกฤดี


   แต่ใจพี่   ส่องสุข   ทุกโมงยามฯ


๐ มีรักแล้ว  คงไม่แคล้ว  ต้องตรมจิต


   เผาชีวิต   เผาดวงใจ   ให้เกรงขาม


   เหมือนแบกโลก  เอาไว้  ในกลกาม


   คอยติดตาม  ใจอยู่   มิรู้เลือนฯ


๐ ไม่อยากให้   โลกนี้   มีความรัก


   เพราะมันหนัก หน่วงใจ หาใดเหมือน


   พี่รักนุช   ดุจดาว   รักดวงเดือน


   รักย้ำเตือน  เฉือนใจ  ยามไกลกันฯ


๐ ไม่อยากให้  โลกนี้  มีความรัก


   แต่ใจปัก   หักใจ   ใยโศกศัลย์


   จึงสมัคร   รักเธอ   เสมอจันทร์


   ขอสัมพันธ์ แบกรักไว้ จนตายเอยฯ


   ต๋อย. ( คนพเนจร )


   ๐๖ ต.ค. ๒๕๖๑ @ ๒๐.๑๕ น.


"ถึงเพื่อน ที่ยังอยู่"


~กลอนแปดสุภาพ~


๐เพื่อนจากไป ไกลลับ ไม่กลับแล้ว


   ดุจดังแก้ว  แตกลับ  ดับสลาย


   ชีวิตคน   สั้นนัก   จักต้องตาย


   ต้องทิ้งกาย  ดับดิ้น  สิ้นชีวีฯ


 ๐เมื่อยังอยู่  รู้รัก  ประจักษ์แจ้ง


   อย่าแห้งแล้ง  น้ำใจ  ไกลวิถี


   เพื่อนทุกคน  ล้วนรัก  สามัคคี


   แต่บางที   อยู่ไกล   เลยไม่มาฯ


 ๐ยังไม่ตาย   ยังอยู่   ได้ดูโลก


   ทุกข์กับโศก ร้างไกล อย่าใฝ่หา


   ปีละครั้ง   ก็ยังดี   มีเวลา


   โปรดจงมา  หาสู่  ดูหน้ากันฯ


 ๐วันเวลา   ผ่านไป   จนไกลลับ


    มันนานนับ ห้าสิบปี เคยมีฝัน


    มาพบกัน   วันที่   มีชีวัน


    ดีกว่าฝัน เห็นหน้า เวลาตายฯ


    ต๋อย.(คนพเนจร)


    ๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๓


"บ้านไร่ ปลายนา" (กาพย์ยานี ๑๑)


๐บ้านเรา             แสนสุขใจ

  อยู่ที่ไหน            ก็ไม่หมือน

  บ้านเรา              กลับมาเยือน

  เป็นบ้านเรือน      ปลายชายนาฯ


๐บ้านเรา              อยู่ชนแดน

  ช่างงามแสน       สุขหรรษา

  บ้านเรา              เจริญตา

  สวยหนักหนา      กลับมาชมฯ


๐บ้านเรา              มีนกร้อง

  มีลำคลอง           สอาดสม

  บ้านเรา               มีสายลม

  คอยพร่างพรม     โลมใจกายฯ


๐บ้านเรา               ไม่มีทุกข์

  มีแต่สุข                ไม่ห่างหาย

  บ้านเรา                แสนสบาย

  มีทั้งWine             กับสุราฯ


๐บ้านเรา                ไม่เคยแล้ง

  ทั้งน้ำแข็ง             และโซดา

  บ้านเรา                ถึงใครมา

  สุขอุรา                  สบายใจฯ


๐บ้านเรา                เป็นท้องทุ่ง

  ไม่มียุง                 เพราะน้ำใส

  บ้านเรา                ถึงจะไกล

  สุขหทัย                เมื่อได้มาฯ


๐๙/๑๑/๕๖ @ ๑๙.๔๕ น. คนพเนจร


"รักดอกจึงบอกเจ้า"


-:กลอนแปดสุภาพ:-


๐อีกไม่นาน หรอกหนา คงมาถึง


  ความเต่งตึง  ที่มี  จะหนีหาย


  ไม่เที่ยงแท้ แน่นอน นะร่างกาย


  แก่เจ็บตาย  สิแน่  นะแม่คุณฯ


๐ยามสาวอยู่  ก็งาม  ตามสมัย


  สวยสดใส  ประพรม  รมจนฉุน


  เสริมโน่นนิด นี่หน่อย ค่อยละมุน


  ไม่กักตุน  บุญกรรม  ไม่ทำทานฯ


๐ครั้นพอแก่ เหี่ยวหด จนหมดสิ้น


  หน้ายุพิน  เปลี่ยนไป  ไร้แก่นสาร


  บุญไม่มี   เก็บไว้   ให้เจือจาร


  ถันหย่อนยาน ใครจะแล ชะแง้ดูฯ


๐สะสมบุญ  ไว้เถิด  เกิดชาตินี้


  ชาติหน้ามี  เกิดใหม่  ไม่อดสู


  มีศีลธรรม ประดับใจ ไว้เป็นครู


  แม่โฉมตรู  ตรองดู  จะรู้เอยฯ


ต๋อย.(คนพเนจร) 29/10/2557 @ 09.45 น.

"พระที่นั่ง คูหาคฤหาสน์

 "พระที่นั่ง คูหาคฤหาสน์"

อ.สามร้อยยอด  จ.ประจวบคีรีขันธ์


-:กลอนแปดสุภาพ:-


๐พระที่นั่ง   คูหา   คฤหาสน์


     ดังภาพวาด ร้อยเรียง เคียงอักษร


          สถิตย์อยู่   ยังถ้ำพระ   ยานคร


               เมืองอมร สามร้อยยอด ทอดยาวไกลฯ


๐สร้างจากกรุง แล้วพา มาประกอบ


      เป็นรายรอบ   เสมา   ชลาศัย


           ที่ประทับ   ล้นเกล้า   จุฬาลัย


                ในสมัย  จุลจอม  น้อมบัญชาฯ


๐สามร้อยยอด อยู่ประจวบ คีรีขันธ์


      เมืองคู่กัน อาถรรพ์ กลับหายหน้า


          ชื่อประจันต    คีรีเขตร์    เวทนา


               ต้องร้างลา   ยกไป   ให้ขะแมฯ


๐อยากจะเล่า  เท้าความ  ตามที่บอก


       จะย้อนยอก  บอกให้  ในกระแส


            เมืองประจันต เดี้ยวนี้ มีคนแล


                 คนไทยแท้ มุ่งไป เสี่ยงทายกันฯ


๐ว่าจะเขียน  เกี่ยวกับ  พระที่นั่ง


       แต่ก็พลั้ง  เผลอไป  จนไกลฝัน


            ดันไปเขียน เกี่ยวเนื่อง เมืองประจันต


                  เพราะว่ามัน   เจ็บช้ำ   ตำอุราฯ


๐เมืองประจันต  คือเกาะกง  ดำรงอยู่


      ใครจะรู้ คนไทยเหงา เศร้าหนักหนา


           ฝรั่งเศส   ยึดไป   หลายเพลา


                ไม่คืนมา  ไทยช้ำ  ทนกล้ำกลืนฯ


๐ขอจบกลอน แสนเศร้า เพียงเท่านี้


       เจ็บฤดี   ทนช้ำ   จำต้องฝืน


            จนบัดนี้   ก็ยัง   ไม่ได้คืน


                  แม้นั่งยืน เจ็บช้ำ ระกำเอยฯ


ตอนนี้กำลังอ่านหนังสือเล่มนี้อยู่ 

ประมวลพระราชหัตถเลขา รัชกาลที่ ๕ ที่เกี่ยวกับภารกิจของกระทรวงมหาดไทย เล่มที่ ๒ ภาคที่ ๓ ก.มหาดไทย , ๒๕๑๓

เป็นภาคที่เกี่ยวกับกรณีชายแดนมณฑลต่าง ๆ ซึ่งมีเรื่องเกี่ยวกับเมืองประจันตคีรีเขตร์นี้อยู่ด้วย

จึงขอคัดบางตอนมาให้รับทราบกัน..


น.๕๐

วันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๔๔๙ 

ไทยได้ตกลงทำสัญญกับฝรั่งเศส ยอมยกเขมรส่วนใน ซึ่งเป็นที่ตั้งของพระตะบอง เสียมราฐ ศรีโสภณ (มณฑลบูรพา) อันมีเนื้อที่เกือบ ๑ แสนตารางกิโลเมตร เพื่อให้ฝรั่งเศสปกครอง พร้อมกับเลิกศาลกงสุลที่ตั้งอยู่ในเมืองไทย และให้ฝรั่งเศสถอนกองทหารออกจากเมืองตราดและเกาะต่าง ๆ ในแหลมสิงห์ รวมทั้งตามฝั่งแม่น้ำเมืองจันทบุรีด้วย ฝรั่งเศสยอมถอนออกไป แต่กลับยึดเมืองประจันตคีรีเขต(เกาะกง) และเมืองอ่าวสุริยวงศ์(ชัดโอ้) แทนต่อไปอีก


วันที ๖ กรกฎาคม ๒๔๕๐

ประเทศไทยได้รับมอบจังหวัดตราดคืนจากฝรั่งเศส แต่ปรากฏว่าฝรั่งเศสคงยึดเกาะกงสืบไปอีก จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่ยอมคืนให้


04/11/2557 @ 09.45 น. ต๋อยครับ.

บางรัก, วันลอยกระทง, ฝนทิ้งช่วง, FEVER

 "บางรัก"


-:กลอนแปดสุภาพ:-


๐โอ้บางรัก ชักใจ ให้หลงผิด


   พี่เคยคิด ว่ารัก มักหักหาย


   คิดว่ารัก กันแล้ว จะกลับกลาย


   จะสลาย หายไป ไกลจากบางฯ


๐แต่ยิ่งคบ   ยิ่งรัก   สลักจิต


   รักสถิต  ฝังหทัย  ไม่ไกลห่าง


   สาวบางรัก รักจริง ยิ่งทุกนาง


   สวยสอางค์ นางน้อง ต้องฤทัยฯ


๐สาวบางรัก   ชักใจ   ให้พี่รู้


   ทุกทุกผู้  งดงาม  ตามวิสัย


   กายไม่งาม แต่ใจงาม ทุกทรามวัย


   อยากฝากใจ ฝากทัก รักน้องนาง


   โอ้บางรัก ควักหัวใจ พี่ไปแล้ว


   รักน้องแก้ว หมดใจ ไม่เหินห่าง


   สาวบางรัก  รักไม่  มีจืดจาง


   กี่ร้อยบาง ไม่รักอย่าง บางรักเอยฯ


ต๋อย.(คนพเนจร)


๓๑/๑๐/๒๕๖๐ @ ๑๗.๑๗ น.


"วันลอยกระทง"


~กลอนแปดสุภาพ~


*ลอยกระทง   ปีนี้   ไม่มีพ่อ


     แต่อย่าท้อ สู้ต่อไป เพื่อในหลวง


        จงตั้งจิต   ตั้งใจ  ไทยทั้งปวง


            จะลุล่วง  พ้นภัย  ใจพอเพียงฯ


            *คำสอนพ่อ  ก้องใน  หทัยอยู่


         ทั้งสองหู  ได้สดับ  จับน้ำเสียง


     จงตั้งใจ  ทำทุกสิ่ง  ให้ใกล้เคียง


  ตามสำเนียง สอนสั่ง อย่างตั้งใจฯ


*อธิษฐาน วางกระทง ลงตรงหน้า


      ตั้งสัจจา   น้อมจิต   พิสมัย


          จะเดินตาม รอยบาท ทุกชาติไป


               ให้สุกใส  ไร้โศก  วิโยคตรมฯ


              *กระทงน้อย ลอยไป จนไกลห่าง


          ทุกข์ลาร้าง จากกาย หายขื่นขม


     ให้มีสุข   ทุกทิวา   อย่าปรารมภ์


 ให้ลูกสม   ดังจิต   ที่คิดเอยฯ


๐๓/๑๑/๒๕๖๐ @ ๐๙.๐๐ น. ต๋อย.(คนพเนจร)


"ฝนทิ้งช่วง"


๏กลอนหก๏


๛ฝนมา  ฟ้าหม่น  ทนเศร้า


    เงียบเหงา เหม่อลอย คอยหา


    ฝนพร่ำ  ฉ่ำพื้น  ธารา


    นาวา  ลำน้อย  ลอยไปฯ


๛ทิ้งฝั่ง  ให้เหงา  เปล่าจิต


    รอมิตร ร่วมเรียง เคียงใกล้


    ฝนจาก  ร้างลา  อาลัย


    ทิ้งใคร หงอยเหงา เฝ้าคอยฯ


๛ฝนพร่ำ ร่ำเรียก เพรียกหา


    ฝนร้าง  จากตา  สุดสอย


    ฝนทิ้ง  ช่วงไป  ใจลอย


    เฝ้าคอย ฝนมา หากันฯ


๛ลืมแล้ว  หรือไร  ไกลพี่


    คนดี   ที่เคย   ใฝ่ฝัน


    ลืมรัก  ลืมรส  ลืมวัน


    มองจันทร์ ร้าวรวด ปวดใจฯ


23/09/2559 @ 08.38 น. ต๋อย.(คนพเนจร)

คิดถึงพี่ไหม, บ่วงกรรม, คิดไวในใจ, งามชายหาด

 " คิดถึงพี่บ้างไหม "


~กลอนแปดสุภาพ~


๐เมื่อลมหนาว โบกมา  เจ้าลาพี่


  โอ้คนดี   จากไป   จนไกลห่าง


  ลมหนาวมา   ปีนี้   ไม่มีนาง


  เจ้าลาร้าง  ห่างรัก  เคยปักใจฯ


๐ลมหนาวโบก โบยมา พาให้คิด


  คนึงนิจ   จิตตรม   ระทมไหม้


  ร้าวฤดี   คืนนี้   พี่เปลี่ยวใจ


  หมองหทัย พร่ำเพ้อ ละเมอครวญฯ


๐ยามลมหนาว โบกมา น้ำตาหลั่ง


  ใจยังหวัง  เธอกลับมา  ลมพาหวน


  เธอรู้ไหม  เธอจากไป ใครรัญจวน


  โอ้เนื้อนวล พี่นอนหนาว ร้าวรานกายฯ


๐เจ้าทิ้งพี่   ให้คอยหา   เจ้าลาจาก


  เจ้ามาพราก  ทิ้งสัญญา  แล้วลาหาย


  ตรมวิญญา   พี่แลหา   เธอมิวาย


  ใจสลาย  ลมหนาวมา  น้ำตานองฯ


  ต๋อย.(คนพเนจร)


  ๒๐ ตุลาคม ๒๕๖๓


" บ่วงกรรม "


-:กลอนแปดสุภาพ:-


๐ เมื่อตายลับ  ดับสูญ  สังขารร่าง


   สิ่งที่สร้าง   เอาไว้   ก็ดับสูญ


   ทิ้งไว้ให้  ทายาท  วงค์ประยูร


   ได้เกื้อกูล  พูนเพิ่ม  เสริมชีวินฯ


๐ สร้างบ้านไว้  ใหญ่โต  รโหฐาน


   สูงตระหง่าน  ห้องหับ  รับทรัพย์สิน


   ชั้นหนึ่งสอง   มีไว้   ใช้อยู่กิน


   ชั้นใต้ดิน  เก็บสมบัติ  นับคณาฯ


๐ ชั้นสามสี่  สร้างไว้  ไม่ได้ขึ้น


   ตัวเองมึน  สร้างไว้  ทำไมหนา


   ถึงเวลา   ดับดิ้น   สิ้นชีวา


   เหลือกายา เขาก็เอา ไปเผาไฟฯ


๐ เหลืออะไร  กันเล่า  แค่เถ้าถ่าน


   จิตวิญญาน  ธรรมา  พาสุกใส


   ทรัพย์ทั้งหลาย ไม่อาจ นำพาไป


   ทำอย่างไร จะหมดห่วง จากบ่วงกรรมฯ


   ต๋อย.( คนพเนจร )


   ๒๕ ต.ค. ๒๕๖๑ @ ๒๐.๐๐ น.


“ คิดไว้ในใจ “


กลอนแปดสุภาพ


๐ แค่เพียงคิด  เอาไว้  ในใจพี่


    รักคนดี   ไม่กล้า   ว่าเฉลย


    แค่เอ่ยปาก ก็มิกล้า มาพิเปรย


    ได้แต่เฉย   อัดอั้น   ตันอุราฯ


๐ เคยนั่งนอน  คิดอยู่  รู้หรือไม่


    เพราะดวงใจ รำพัน เฝ้าฝันหา


    ไม่เฉลียว  หรือไร  ใครนำพา


    ปรารถนา  เก็บไว้  ในใจเราฯ


๐ อยากจะเผย ความใน ใจของพี่


    อย่างไรดี  ให้เธอรู้   ดูอับเฉา


    คิดจนกลุ้ม  สุมใน  หัวใจเรา


    ช่างโง่เขลา  ไร้ปัญญา  หาถ้อยคำฯ


๐ มีคำหนึ่ง   ที่คิดไว้   ในใจพี่


    หนึ่งวจี   กล่าวถ้อย   ร้อยถลำ


    กลับเก็บไว้  ในอุรา  มิกล้านำ


    มาเอ่ยพร่ำ ว่าคิดถึง คนึงครวญฯ


    ต๋อย.(คนพเนจร)


    ๒๙ ตุลาคม ๒๕๖๓


" งามชายหาด "


-:กลอนแปดสุภาพ:-


๐ มองสายน้ำ แพรวพราย ที่ชายหาด


   แสงจันทร์สาด ส่องมา พาสุขสันต์


   สายลมพริ้ว  ระลอกคลื่น  รื่นทุกวัน


   หฤหรรษ์  มองเมฆา  จันทรางามฯ


๐ นกทะเล  บินร่อนลา  ท้องฟ้ากว้าง


   ว่อนลาร้าง  ห่างไกล  ใจวาบหวาม


   เพลงรักลอย คล้อยมา ฟ้าสีคราม


   ดุจข้อความ  ว่ารัก  ประจักษ์ใจฯ


๐ งามชายหาด ยามราตรี เคยมีเจ้า


   กลับเงียบเหงา   ร้าวฤดี   นี่ไฉน


   มองชายหาด แล้วเศร้า ร้าวหทัย


   โอ้ทรามวัย ใยทิ้งคลื่น  ไม่ชื่นชมฯ


๐ ลมทะเล   พัดมา   อีกคราแล้ว


   ไร้น้องแก้ว   หัวใจพี่   นี้ขื่นขม


   โอ้ชายหาด   สงบไป   ไร้คลื่นลม


   ไม่อยากชม ชายหาดงาม ยามนี้เลยฯ


   ต๋อย. (คนพเนจร)


   ๒๙ ต.ค. ๒๕๖๑ @ ๑๙.๔๕ น.