Monday, October 12, 2009

FALL IN TORONTO



สัญญาณแห่งการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาลที่สวยงามจับใจคนทั่วโลกอยู่ที่แคนาดานี่เอง การเดินทางจากไปของฤดูร้อนที่สดชื่นสวยงามด้วยเหล่าไม้ดอกไม้ใบ, ต้นไม้หลากหลายพันธุ์ เป็นจุดเริ่มต้นของการปรับตัวต้อนรับการเปลี่ยนแปลงไปสู่ฤดูหนาวอันยาวนาน เหล่าพืชพันธุ์ถึงเวลาสลัดใบเพื่อยืนเปลือยต้นต้านความหนาวเย็นในกองน้ำแข็งจากท้องฟ้า จนกว่าจะหมดสิ้นฤดูหนาว




การเริ่มต้นของฤดูใบไม้ร่วงคือการเปลี่ยนสีก่อนปลิดใบ ต้นเมเปิลเป็นพันธุ์ไม้หลักของประเทศแคนาดา สามารถเติบโตได้ในทุกอนูพื้นที่ในถิ่นอเมริกาเหนือ จากใบไม้สีเขียวขจีที่ปกคลุมพื้นดินอย่างหนาแน่นให้ความสดชื่นในฤดูร้อน จะเปลี่ยนเป็นสีแดงสด สีส้ม และสีเหลือง โดยพร้อมเพรียงกัน ก่อนจะปลิดใบทิ้งทับถมลงบนพื้นดินตามฤดูกาล เหลือไว้เพียงโครงร่างอันเปลือยเปล่าของลำต้นและกิ่งก้านสาขา เป็นความสวยงามอันยิ่งใหญ่ของธรรมชาติในภูมิภาคนี้ ใบเมเปิลสีแดงสดได้กลายมาเป็นสัญญลักษณะของประเทศแคนาดา ได้ปรากฎอยู่บนธงชาติของประเทศนี้สอดคล้องกับความเป็นประเทศบนดินแดนมหัศจรรย์ที่ปกคลุมด้วยพืชพันธุ์นี้



ปรากฏการแห่งธรรมชาติบนทวีปอเมริกาเหนือ ได้สร้างภาพจิตกรรมอันสวยงามเกินกว่าน้ำมือมนุษย์จะบรรจงสร้างสรรค์ได้ เพราะนี่คือความสวยงามเกินกว่าที่จะบรรยาย ใบไม้สีทอง สีเหลือง สีส้มแสดแดง จะสะท้อนแสงส่องสว่างเป็นเงาสีทอง ฉาบฉายทุกอณูพื้นที่ที่เราก้าวย่างไป สดใสสวยงามดั่งฉากของเทพนิยายปรัมปรา วิจิตรพิศดารมากกว่าจินตนาการที่มนุษย์สร้างไปถึง



วันเวลาแห่งฤดูใบไม้ร่วงนั้นสั้นนัก เพียงชั่วเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือน ใบไม้สีสวยเหล่านี้จะปลิดใบร่วงลงสู่ดินจนหมดสิ้น จากความสดใสในทุกอณูพื้นที่กลายเป็นความว่างเปล่า เหลือเพียงร่างไม้เปลือยยืนคอยต้อนรับลมหนาวแรกของฤดูกาลแห่งลมมรสุมมาสัมผัส เมื่อใบใม้เมเปิลใบสุดท้ายปลิดตัวเองลงมาสัมผัสดิน นั่นเป็นสัญญาณบ่งบอกชาวแคนาดาให้เตรียมตัวเผชิญหน้ากับความหนาวเย็นอันน่าเบื่อหน่ายอีกครั้ง



ความเปลี่ยนแปลงอันรวดเร็วของผืนฟ้าเบื้องบนที่เปลี่ยนจากสว่างสดใสเป็นผืนฟ้ามืดหมนขมุกขมัว ลมเย็นที่พัดมาสัมผัสผิวกาย เตือนเราให้หยิบเสื้อผ้าหนาหนักออกมาเตรียมเอาไว้ แล้วฤดูใบไม้ร่วงก็จากเราไป ธรรมชาติเปลี่ยนผ่านฤดูกาลปีแล้วปีเล่า หมุนเวียนเปลี่ยนผ่านมานานแสนนาน แต่ความประทับใจในฤดูใบไม้ร่วงอันแสนสั้นทำให้เราต้องอดใจรอวันที่มันจะหมุนเวียนกลับมาอีกในปีหน้า



ฤดูกาลเปลี่ยนไปตามธรรมชาติ มนุษย์เราต้องปรับตัวตามไปทุกวัน ปีแล้วปีเล่า ในฤดูร้อนเราอาศัยร่มไม้กางกั้นป้องกันแสงแดดร้อนแรง เมื่อต้นไม้ปลิดใบลงสู่ดิน อากาศร้อนอบอ้าวกลายเป็นลมเย็นพัดผ่านมา มนุษย์เริ่มห่มห่อร่างกายให้อบอุ่น หนาขึ้น มากชั้นขึ้น จนเข้าสู่ฤดูหนาวอันแสนทรมาน ผิวโลกก็จะถููกปกคลุมด้วยเกร็ดน้ำแข้งจากท้องฟ้าอันมืดมัว ร่วงทับถมหนาแน่นส่งไอเย็นขึ้นไปจรดกับลมมรสุมหิมะที่พัดพามวลน้ำแข็งโปรยลงมาลูกแล้วลูกเล่าจนกระทั้งจบสิ้นฤดูหนาว



เมื่อวันที่ท้องฟ้าใสกระจ่างขึ้น เกร็ดน้ำแข็งจากท้องฟ้าก็กลายเป็นน้ำฝนเพราะหล่นผ่านอากาศที่อบอุ่นขึ้นอีกครั้ง น้ำฝนใสๆ จะชะล้างละลายน้ำแข็งบนพื้นดินให้แทรกซึมลงไปใต้แผ่นพื้น ปลุกชีวิตพืชพันธุ์ให้หยัดยืนฟื้นขึ้นมา ถึงเวลาฤดูใบไม้ผลิเวียนมาอีกครั้ง อีกไม่นานเมื่อฤดูร้อนผ่านไป ฤดูใบไม้ร่วงก็จะกลับมาใหม่ ไม่นานเกินรอ



วัฏจักรแห่งชีวิตและวัฏจักรแห่งฤดูกาลประสานกันหมุนเวียนเปลี่ยนไปไม่รู้จบ แต่เราก็ยังรอคอยที่จะได้พบความมหัศจรรย์ของฤดูใบไม้ร่วงอีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้ง ให้สมกับที่รอคอย






















QUEEN STREET

ถ้าจะให้สมญานามของ Yonge Street ที่เป็นเส้นผ่าศูนย์กลางของ downtown Toronto เป็นถนนสายโลกีย์ที่ไม่มีวันหลับ Queen Street ก็น่าจะได้รับสมญานามว่า "ถนนสายศิลปะ" ที่สวยงามอย่างมีเอกลักษณ์
ความเป็น Queen Street คือการรวบรวมเอาธุรกิจในงานศิลปะ แฟชั่น งานอนุลักษณ์ งานออกแบบสมัยใหม่ ร้านอาหาร ภัตตาคาร งานดนตรี ร้านของถูก ฯลฯ เอามาตั้งอยู่บนถนนสายนี้ เป็นการผสมผสานความเก่าแก่ของตัวอาคาร ความทันสมัยในการออกแบบของร้านรวง ร้อยเรียงออกมาเป็นงานศิลปอันสวยงามน่าตื่นตาตื่นใจตลอดเส้นทางที่ตัดผ่าน downtown Toronto กลายเป็นเมืองเที่ก่าแก่แต่ทันสมัยทันกาลเวลา หากได้เดินเล่นผ่านอาคารร้านรวงต่างๆ จะได้ความรู้สึกเหมือนได้ชมงานศิลปกลางแจ้ง
















































Often compared to New York City's Soho, Queen Street is the place to go for trendy dining and nightlife, plus cutting-edge fashion, art galleries, antique shops and bookstores.