Monday, September 6, 2010

CNE (Canadian National Exhibition)


หลังจากต้องคุดคู้อยู่ในเสื้อผ้าหนาหนักที่สวมใส่เพื่อต่อสู้กับอากาศอันเยือกเย็น ย่ำเท้าบนถนนน้ำแข้งเป็นเวลาเกือบห้าเดือนในฤดูหนาวอันยาวนานของแคนนาดา วันนี้พวกเราได้ปลดเปลี้องเสื่อแจ๊คเก็ตที่ห่มทับเสื้อผ้าอีกหลายชั้นของเราเอาไปเก็บเสียที นี่คือ ฤดูร้อนที่เร่าร้อนไม่แพ้อุณหภูมิในกรุงเทพฯ ถึงเวลาปัดฝุ่นจักรยานคันเก่าออกมาขี่สูดอากาศบริสุทธิ์กันเสียดี และที่สำคัญฤดูร้อนหมายถึงการพักผ่อน การเดินทาง หมายถึงสวนน้ำอันเย็นฉ่ำ หมายถึงการเดินทอดน่องบนชาดหาดริมทะเลสาบออนตาริโอ และยังหมายถึงงานเทศกาลาลฤดูร้อนนที่กำลังเดินทางมาถึง เริ่มต้นด้วย Guy Parade, Caribana และงาน CNE รวมถึงงานกิจกรรมต่างๆ ของรัฐและเอกชนที่จัดขึ้นตลอดฤดูร้อนของทุกๆ ปี การมาถึงของงาน CNE สำหรับคนไทยในโตรอนโตหมายถึงสินค้าไทยใหม่ๆ จากเมืองไทยจะมาเปิดร้านขายในงานนี้ พวกเราจะพุ่งตรงไปดูสินค้าใหม่ๆ ได้พูดจาประสาไทยกับแม่ค้าพ่อค้าในงาน และได้ของไทยกลับเอาไปใช้หรือเอาไปตั้งโชว์ที่บ้านหรือที่ร้านอาหารไทยเป็นประจำทุกปี คนไทยเราส่วนหนึ่งชอบที่จะไปเล่นได้เสียในคาสิโนมากกว่าเดินชมงาน พวกเราต้องรีบเก็บเกี่ยวอากาศสดชื่นในวันฟ้าใสเอาไว้ให้เต็มที่ เพราะงาน CNE เป็นงานสุดท้ายปลายฤดูร้อนของแคนาดา แล้วอีกไม่นานฤดูใบ้ไม้ร่วงจะวิ่งผลัดฤดูอย่างรวดเร็ว ฤดูหนาวก็จะตามมาอีกครั้ง




งานมหกรรมนิทรรศการแห่งชาติแคนาดา Canadian National Exhibition (CNE) หรือเป็นที่รู้จักกันในนาม The Ex นับเป็นงานสารพันกิจกรรมบันเทิงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของแคนาดาประปี จัดขึ้นในปลายฤดูร้อนกลางเดือนสิงหาคมไปจนถึงวันแรงงานแห่งชาติในต้นเดือนกันยายนของทุกปี CNE มีกิจกรรมการแสดงที่หลากหลายของความบันเทิงทั้งกลางแจ้งและบนเวที, สวนสนุกที่มีเครื่องเล่นต่างๆมากมายหลายแบบ รวมทั้งเกมการละเล่นชิงราววัล, งานแสดงด้านเกษตรกรรมและปศุสัตว์, มหกรรมการแสดงสินค้าจากปรเทศต่างๆ, ขบวนพาเหรดและกีฬา, งานแสดงทางอากาศ การขับเครื่องบินโชว์, เทศกาลอาหารนานาชาติ, กิจกรรมสำหรับเด็กๆKid’sWorld และเปิดคาสิโนสำหรับผู้ชื่นชอบเกมการพนัน งาน CNE สามารถดิงดูดผู้ชมได้มากกว่า 1 ล้าน 5 แสนคนในแต่ละปี




งานมหกรรม CNE เริ่มจัดครั้งแรกขึ้นในปี 1879 โดยตลอดเวลาที่ผ่านมาได้นำเอาความโดดเด่นทางประวัติศาสตร์ของชนชาติแคนาดา มาแสดงให้ปรากฎต่อสายตาผู้คนทั่วโลกได้ประจักษุ์ เป็นสถานที่ที่นำพาผู้มาเยื่อนได้รับประสบการณ์ที่เป็นเลิศและโดดเด่นนำสมัย ทั้งจากนวัตกรรมใหม่ล่าสุด ทั้งจากกระบวนการเทคโนโลยี่ กระบวนการผลิตในเชิงพาณิชย์ที่ล้ำสมัย งานผลิตผลของศิลปินยอดเยี่ยมแห่งยุค งาน CNE ได้พัฒนามาจนกระทั้งเป็นงานประเพณีประจำปีและเป็นสัญญาลักษณ์ของรัฐออนตาริโอ และเป็นงานแสดงที่ยิ่งใหญ่เป็นอันดับที่เจ็ดของทวีปอเมริกาเหนือ งานมหกรรมนี้ได้สร้างความประทับใจ ความตื่นตาตื่นใจจากผู้ชมตลอดทั้งเมืองโตรอนโตและผู้มาเยือนจากภมิภาคต่างๆ






บนสถานที่จัดงานกว่า 192 เอเคอร์ ของ Exhibition Place อันยิ่งใหญ่สวยงามตั้งอยู่ริมทะเลสาปออนตาริโอ สามารถสร้างแรงจูงใจให้ผุ้คนจากทั่วสารทิศทั้งจากมหานครโตรอนโต จากรัฐออนตาริโอ และบางส่วนจากประเทศสหรัฐอเมริกาให้เข้ามาร่วมงาน CNE เป็นกิจกรรมที่สร้างความบันเทิงและให้การศึกษาเสริมสร้างประสบการให้แก่ผู้คนนับล้าน ในขณะเดียวกันก็ได้สร้างผลประโยน์ทางเศรษฐกิจให้กับ มหานครโตรอนโต รัฐออนตาริโอ และประเทศแคนาดา ซึ่งจากผลวิจัยของสถาบัน Enigma Research Corporation ในปี 2009 CNE ได้สร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจให้กับโตรอนโตเป็นมูลค่ากว่า 58 ล้านเหรียญ






สำหรับงานแสดงนิทรรศการแห่งชาติของประเทศแคนาดาประจำปี 2011 จะเป็นงานครั้งที่ 133 เริ่มงานตั้งแต่วันศุกร์ที่ 19 สิงหาคม จนถึงวันที่ 5 กันยายน 2011 ภายใต้สโลแกน “Let’s Go to the EX!”






























Thursday, August 26, 2010

It's not love but think of you

คนเราบางที่ก็ไม่ได้ต้องการมีความรักแบบเป็นคู่รักกัน เพราะว่าความรักไม่ได้มีจำกัดอยู่แค่นั้น ความรักแบบห่วงห่าอาทร มีน้ำใจให้กันมากกว่าความเป็นเพื่อนแต่ไม่ถึงกับเป็นแฟน ก็เป็นความรักที่สวยงามอีกรูปแบบหนึ่ง ชีวิตคนเราไม่ได้หมกมุ่นครุ่นคิดแค่เรื่องกิเลสอย่างเดียวเสียเมื่อไหร่ เพียงมีความเอื้ออาทรต่อกัน ส่งความคิดถึงกัน ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ก็เป็นความสุขที่บริสุทธิอย่างหนึ่ง เป็นความรักที่ทำให้โลกเราสวยงาม ทำให้จิตใจมนุษย์เปี่ยมสุข เพราะความผูกพันธ์ มิตรภาพ ความเอื้ออาทร เป็นความรักที่เป็นนิรันดร์...

.........โลกใบนี้สวยงามด้วยมือของมนุษย์..........จิตใจมนุษย์สวยงามด้วยความรัก...............

ไม่รักแต่คิดถึง

ชีวิตบ้างช่วงที่เกี่ยวกัน เราได้แลกเปลี่ยนซึ่งความฝัน

หลายครั้งหลายหน........หัวใจไม่ตรงกัน แต่รู้กันต่างคนมีน้ำใจ

เธอไม่ต้องนวลอย่างดวงฉัน และฉันไม่ใช่ดวงตะวันฉาย

เราเพียงเป็นคน คบกันตามสบาย เมื่อร้างไกลห่วงใยก็แล้วกัน

ไม่สำคัญ่ว่าเธอมีใคร ไม่ใช่กงการอะไรของฉัน

ไม่สนใจ....เมื่อเธอสุขสันต์ ขอรู้เพียงวันที่เธอไม่มีใคร

ยังไม่ประคองเมื่อเธอล้ม ถ้าเธอลุกขึ้นยืนได้เองไหว

ขอรู้ ขอเห็น ว่าเธอเดินเองได้ จะขอมองไกลๆ อย่างชื่นชม

ไม่สำคัญว่าเธอมีใคร ไม่ใช่กงการอะไรของฉัน

ไม่สนใจเมื่อเธอสุขสันต์ ขอรู้เพียงวันที่เธอไม่มีใคร

ไม่รักแต่คิดถึง..............ไม่รักแตคิดถึง...................ไมรักแต่คิดถึง...............

Tuesday, August 24, 2010

บทกวี "สัจจธรรมของชีวิต"


บทกวีโดย "TRAVELING MAN"




"สัจจธรรมของชีวิต"

~กลอนแปดสุภาพ~

○อันมนุษย์ เกิดมา ในหล้าโลก
   
    มีแต่โศก ไร้สุข ทุกข์หนักหนา

    สุขที่เห็น เป็นแค่ ภาพลวงตา

    อย่าใฝ่หา อยู่เลย ไม่เคยมีฯ

♤เกิดแล้วแก่ เจ็บกาย ไม่วายทุกข์

    สิ้นความสุข ทุกข์ใจ ไม่สุขศรี

    เข้าโรงหมอ ร้าวรวด ปวดฤดี

    เพราะกรรมมี กรรมซัด วิบัติไปฯ

 ♡ขอให้ท่าน ทั้งหลาย โปรดได้รู้

    ขอจงสู้ กำหนดจิต ให้ผ่องใส

    ทุกข์ทุกอย่าง เกิดขึ้น เพราะจิตใจ

    สู้ต่อไป ทำสิ่งดี ได้หนีกรรมฯ

◇ขอให้บุญ ทำมา ช่วยพาท่าน

    ให้สุขสันต์ สุขใจ ไม่ถลำ

    ถึงเจ็บป่วย อย่างไร ใจต้องนำ

    ยึดพระธรรม นำกาย จะหายเร็วฯ

♧ท้ายที่สุด แห่งกลอน ที่วอนว่า

    เกิดชรา เจ็บตาย คล้ายลงเหว

    เพราะชีวต ดุจดังเทียน ใกล้หมดเปลว

    จะช้าเร็ว ก็ต้องตาย วายชีวาฯ

□หายใจเข้า ว่าพุทธ สุดประเสริฐ

    จะบังเกิด พลังรู้ สู้ปัญหา

    ออกว่าโธ ขอให้กาย ไร้โรคา

    อวยพรมา ให้พ้นทุกข์ มีสุขเอยฯ

    ต๋อย.(คนพเนจร)

    ๒๑/๐๗/๖๑ @ ๑๗.๐๐ น.




















Thursday, August 19, 2010

FREE BIRD

A BIRD FIRST WORD

If I were a bird, to utter my first word
I truly would wish to say your humans are absurd
With all us wonderful creatures: First, upon an un-polluted earth
You crowd us out, with too many a human birth
Then flock to the zoos with camera and kid
Then fail to lay claim
our pending extinction:
Human population is to blame
When 'too' few a wise humans; in protest explain
The rest of you in unison resist and complain
If these humans dare to utter, without us animals you can't exist
The rest of you question: What are you, an activist?
The next time you visit a creature at the zoo
Ask yourself, without us whatever will you do?

C.R. YING





One day when I grow older
Wings, I wish to sprout,
So I can jump into the sky,
Fly round and all about.

Someday, when I am wiser,
I'll look up in the sky,
Spread my wings and glide,
Through clouds of cotton and sigh.

One day, when I become a hawk,
Or an eagle, tall and proud,
The day when I'm a lovely Macaw,
In a beautiful and colorful shroud.

I'll free with all the other birds,
A flyer,
Oh so true I'll be one.... With the sky,
The sky above that's blue.

EMILY 'TIEL KID' BRIGGS, AGG 12,




Monday, August 9, 2010

One Picture

ผู้คนมักจะเหลวไหล ไร้เหตุผล และยีดตัวเองเป็นจุดศูนย์กลาง
ไม่ว่าจะอย่างไร จงให้อภัยพวกเขา

หากคุณใจดี ผู้คนอาจจะโทษว่าคุณมีอะไรแอบแฝง
ไม่ว่าจะอย่างไร จงใจดี

หากคุณประสบผลสำเร็จไม่ว่าด้านใด แม้ว่าจะมีมิตรเทียม ศัตรูแท้ สักกี่คน
ไม่ว่าจะอยางไร คุณก็ยังประสบความสำเร็จ

หากคุณซื่อสัตย์และจริงใจ คุณอาจจะถูกใครๆ หลอกลวง
ไม่ว่าจะอย่างไร จงซื่อสัตย์และจริงใจ

สิ่งดีๆ ที่คุณทำในวันนี้ พรุ่งนี้มันอาจจะถูกลืม
ไม่ว่าจะอย่างไร จงทำดี

แม้กระทั่งบุคคลผู้ยิ่งใหญ่ มีความคิดที่ยิ่งใหญ่ อาจมีผู้คนใจแคบดูแคลน
ไม่ว่าจะอย่างไร ก็ยังเป็นความคิดที่ยิ่งใหญ่

สิ่งที่คุณใช้เวลาสร้างมาหลายปี อาจจะถูกทำลายไปในช่วงข้ามคืน
ไม่ว่าจะอยางไร จงสร้างต่อไป

ถ้าคุณพบกับควมสงบและความสุข ผู้คนอาจจะอิจฉาคุณ
ไม่ว่าจะอยางไร ก็จงสงบและมีความสุข

มอบสิ่งที่ดีที่สุดที่คุณมีให้กับโลกนี้ แม้ว่ามันจะไม่มีวันเพียงพอ
ไม่ว่าจะอย่างไร จงมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับโลก


ข้อความนี้เป็นบทกลอนโดย The Late Mother Theresa ที่เขียนไว้บนกำแพงที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ในกัลกัตตาในอินเดีย



Sunday, August 8, 2010

ชีวิตคือการให้

ชีวิตคือการให้



ชาย 2 คน ป่วยหนักทั้งคู่ นอนอยู่ที่โรงพยาบาลในห้องเดียวกัน ชายคนแรก ได้รับอนุญาตให้ลุกนั่งได้วันละ 1 ชั่วโมงในช่วงบ่าย เพื่อช่วยระบายของเหลวในปอด เตียงของเขาอยู่ริมหน้าต่างซึ่งมีเพียงบานเดียวในห้องนั้น

ชายอีกคนหนึ่ง หมอให้นอนราบตลอดเวลา..อยู่บนเตียง ชายทั้งสองคนที่ร่วมห้องกัน ก็ได้คุยกันถึงเรื่องราวชีวิตของตน พวกเขาเล่าให้กันฟังถึงเรื่องภรรยา เรื่องครอบครัว เรื่องบ้าน การงาน เรื่องสมัยถูกเกณฑ์ทหาร เรื่องที่ไปเที่ยวที่ต่างๆในวันพักร้อน

ทุกวันในช่วงบ่าย ชายที่นอนเตียงริมหน้าต่าง จะบรรยายให้เพื่อนร่วมห้องฟังว่า มีอะไรเกิดขึ้นภายนอกบ้าง ชายคนที่ต้องนอนราบอยู่ ก็รู้สึกดีขึ้น จากเวลาแค่ 1 ชั่วโมงที่เพื่อนที่นอนริมหน้าต่างบรรยายให้ฟังว่า มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง มันทำให้เขารู้สึกเหมือนว่า เขาได้ดำเนินชีวิตตามปกติ โลกของเขาดูกว้างขวางขึ้น และ มีชีวิตชีวาขึ้น จากกิจกรรมหลากสีสันของชีวิตที่ดำเนินไปในโลกภายนอก
ชายที่ได้รับโอกาสให้ลุกนั่ง บรรยายให้ชายที่ต้องนอนราบตลอดเวลา เห็นภาพว่า หน้าต่างที่มองออกไป เห็นทะเลสาบที่สวยงาม ฝูงเป็ด และ หงส์ลอยล่องอยู่บนน้ำ ในขณะที่เด็กๆเล่นเรือใบจำลอง คู่รักวัยเยาว์เดินจูงมือกัน มีดอกไม้สีสันสวยงามเบ่งบานอยู่รอบๆ และ เห็นตึกรามทันสมัยของตัวเมืองอยู่ไกลๆ

ในขณะที่ชายที่นอนริมหน้าต่างบรรยายให้เพื่อนฟังถึงรายละเอียดต่างๆด้านนอก ชายที่นอนราบอยู่ก็หลับตาลง จินตนาการให้เห็นภาพตามไปยามบ่ายของวันที่อบอุ่นวันหนึ่ง ชายที่นอนอยู่ริมหน้าต่างได้เล่าว่า มีขบวนพาเหรดขบวนหนึ่งกำลังเดินผ่านไป แม้ว่า ชายอีกคนไม่ได้ยินเสียงของวงดนตรีนั้นเลย แต่เสมือนเขาสามารถได้รับฟังและแลเห็นได้จากคำบรรยายที่พรรณนาได้อย่างละเอียดละออของเพื่อนที่อยู่ริมหน้าต่าง



วันเวลา เป็นสัปดาห์ เป็นเดือน ผ่านไปเช่นนั้น เช้าวันหนึ่ง เมื่อจะเข้าไปดูแลคนไข้ พยาบาลเวรเช้าได้พบร่างที่สงบนิ่งไร้ชีวิตของชายที่นอนริมหน้าต่าง เขาได้จากไปอย่างสงบขณะนอนหลับ เธอเศร้าใจมาก และได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายฌาปนกิจมารับศพของเขาไปเมื่อการจัดการศพผ่านไปเรียบร้อย ชายที่เป็นเพื่อนร่วมห้องได้เอ่ยปาก ขอย้ายเตียงไปนอนที่ริมหน้าต่างแทนเพื่อนผู้จากไปของเขา พยาบาลรู้สึกดีที่ได้มีการปรับเปลี่ยนครั้งนี้ และเมื่อจัดที่ทางให้คนไข้เรียบร้อย เธอก็ ออกไปจากห้อง ทิ้งให้เขานอนที่เตียงใหม่คนเดียว

ชายผู้ซึ่งต้องนอนราบกับเตียงเป็นเวลานาน ได้พยายามยันร่างกายของเขาขึ้นด้วยศอก แม้มันจะเจ็บปวดและยากลำบาก ด้วยความกระหายที่จะมองเห็นโลกภายนอกด้วยตาของตนเอง และ ..เมื่อเขายันกายขึ้นมองผ่านหน้าต่างไปได้ ....เขากลับเห็นเพียงแค่.....ผนังตึกว่างๆ



ด้วยความข้องใจ..เขาได้ถามพยาบาลผู้ดูแลเกี่ยวกับเพื่อนร่วมห้องผู้เพิ่งจากไป ..ผู้ซึ่งได้พรรณนาถึงความงามของโลกภายนอกที่อยู่นอกหน้าต่างนั้นให้เขาฟัง นางพยาบาลเล่าว่า ชายผู้เพิ่งจากไปนั้น ที่แท้เป็นคนตาบอด ไม่สามารถแม้แต่จะมองเห็นว่ามีผนังว่างเปล่านอกหน้าต่างบานนี้เธอบอกว่า
“ ที่เขาเล่าให้คุณฟังถึงโลกภายนอกที่สวยงามนอกหน้าต่าง อาจเพราะแค่อยากให้กำลังใจคุณ”

เรื่องนี้บอกเราว่า
ยังมีเรื่องราวอีกมากมายในโลก ที่เราสามารถทำให้คนอื่นมีความสุข ไม่ว่า เราจะอยู่ในสถานการณ์ใดก็ตามการแบ่งปันเรื่องทุกข์ใจให้คนอื่นรับรู้ อย่างมากก็ลดความทุกข์ของเราไปครึ่งหนึ่งแต่ถ้าแบ่งปันความสุขที่เรามีให้คนอื่น เราก็สุข..เขาก็สุข..ความสุขก็จะเป็น 2 เท่าถ้าอยากรู้สึกว่ารวย ..จงอย่านับแต่เงินและทรัพย์สินที่มีจงนับสิ่งที่ทำให้คุณมีความสุข
ที่เงินไม่สามารถซื้อหาได้..เข้าไปรวมด้วย

‘Today is a gift, that is why it is called The Present.'

Thursday, June 24, 2010

เติมสิ่งดีๆ ให้กับชีวิต

ความเป็นจริงของโลกใบนี้
โลกกลมๆ ใบนี้ ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ
ของฟรีไม่เคยมี ของดีไม่เคยถูก
อย่าไปให้ความสำคัญกับใครบางคน เมื่อคุณเป็นแค่ทางเลือกของเขา
สัมพันธภาพจะดีที่สุด เมื่อทั้งสองฝ่ายให้ความสำคัญกันอย่างสมดุล



ไม่ต้องสาธยายเกี่ยวกับตัวคุณให้ใครฟังหรอก
เพราะคนที่ชอบคุณ ยังไงเขาก็ชอบ และไม่ต้องการฟังมัน
แต่คนที่เกลียดคุณ ยังไงเขาก็ไม่เชื่อคุณหรอก



เมื่อคุณพูดแต่ว่าคุณยุ่ง คุณก็จะไม่ว่างเลย
เมื่อคุณพูดว่าไม่มีเวลา คุณก็จะไม่มีเวลาเลย
เมื่อคุณพูดว่าคุณจะทำในวันพรุ่งนี้ วันพรุ่งนี้จะไม่มีวันมาถึงเลย


เมื่อเราตื่นขึ้นมาในยามเช้า เรามีทางเลือกง่ายๆ 2 อย่าง
กลับไปนอนและฝันหวานต่อ หรือ ลุกขึ้นมาแล้วทำความฝันให้เป็นจริง
มันก็แล้วแต่คุณจะเลือก


เรามักทำให้คนที่ใส่ใจเราต้องร้องไห้
เรามักร้อยไห้ให้กับคนที่ไม่เคยใส่ใจเรา
และเรามักใส่ใจกับคนที่ไม่มีวันร้องไห้ให้เรา
นี่คือความจริงของชีวิต เป็นเรื่องแปลกแต่จริง
ถ้าคุณเห็นด้วย มันก็ยังไม่สายเกินแก้



เมื่อคุณกำลังสนุกสนาน ก็อย่ารับปากพล่อยๆ
เมื่อคุณกำลังเศร้า ก็อย่าได้ตอบกลับ
เมื่อคุณกำลังโกรธ ก็อย่าไปตัดสินใจอะไร
คิดให้ถี่ถ้วน ทำอย่างสุขุม


เวลาก็เหมือนกับสายน้ำ
คุณไม่มีทางสัมผัสน้ำเดียวกันได้สองครั้งหรอก
เพราะมันได้ไหลผ่านไปแล้ว
มีความสุขกับทุกช่วงชีวิตของเราดีกว่า

Tuesday, April 20, 2010

"ชีวิตชาวนา"

บทกวีโดย "TRAVELING MAN"

"ชีวิตชาวนา"

๛กลอนตลาด๛



๏ยามฝนมา ฟ้ามืดมัว สลัวหาย

   ลมพระพาย อ้อยอิ่ง พิงภูผา

   เสียงอึ่งอ่าง ร้องก้อง ทั่วท้องนา

   หมู่นกกา  บินลับ  กลับรวงรังฯ

๏เหล่าชาวนา ไล่ควาย จากปลายทุ่ง

   บ้างก็จูง   บ้างแบกลูก  สะพายหลัง

   ชีวิตนี้    แสนรันทด    หมดกำลัง

   ชีวิตยัง  ขอสู้ตาย  ไม่ขายนาฯ

๏วันเวลา  ผ่านไป  จนไกลห่าง

   ไม่แรมร้าง   ห่างเห   เสน่หา

   จะยากจน  ข้นแค้น  ไม่นำพา

   สุขอุรา พอเพียง เลี้ยงครอบครัวฯ

๏ไม่มีเงิน ไม่มีทอง กองตรงหน้า

   แหงนมองฟ้า ก้มดูดิน ทุกถิ่นทั่ว

   จะก้มหน้า  อดทนไป  ใจไม่กลัว

   ตราบจนชั่ว ดินสลาย กลบกายตนฯ

21/07/2558 @ 12.12 น.