Thursday, October 4, 2018

" สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม "

" สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม "

-: กลอนแปดสุภาพ :-

๐ กรรมกำหนด  กฎไว้  ควรได้รู้

   ว่าทุกผู้   ต้องตาย   วายชีวาต

   ไม่ว่าไพร่    ผู้ดี    มีอำนาจ

   ก็ไม่อาจ  หลีกลี้  หนีความตายฯ

๐ มาแต่ตัว  ไปแต่ตัว  อย่ามัวหลง

   ควรรีบปลง  สังวรณ์  ก่อนจะสาย

   ทรัพย์ที่มี  สิ่งจำลอง  ของนอกกาย

   ยามวางวาย  สิ่งที่ติด  คือจิตตนฯ

๐ สังขารนี้    มันมิใช่    ของเราดอก

   ใคร่ขอบอก  เป็นกายนอก  อย่าสับสน

   กายภายใน   ที่สถิต   คือจิตตน

   เป็นกมล  วิญญาน  สังขารธรรมฯ

๐ จงทำดี   ละชั่ว   จงกลัวบาป

   ละยศลาภ  ที่มีมา  อย่าถลำ

   สิ่งที่ควร  ยึดมั่น  นั้นคือกรรม

   เพราะจะนำ  ติดไป  เมื่อวายชนม์ฯ

   ต๋อย.( คนพเนจร )

   ๐๒ ต.ค. ๒๕๖๑ @ ๑๙.๑๙ น.


"ไฟสเน่หา"

-:กลอนแปดสุภาพ:-

๐ทั้งที่รู้  เขาไม่รัก  ยังปักจิต

  ทั้งที่คิด ถึงเขา แล้วเศร้าหมอง

  ทั้งที่รู้  ว่าเขา  ไม่เคยมอง

  ทั้งที่ปอง เพียงเงา ยังเฝ้าชมฯ

๐ไฟเอ๋ยไฟ สเน่หา พาร้อนรุ่ม

  ไฟเธอสุม  เผาใจ  ให้ขื่นขม

  ไฟราคะ เกาะทรวง ลวงระทม

  ไฟอารมณ์  ตรมอยู่  มิรู้วายฯ

๐อยากจะหัก  ฤทัย  ไฟสุมอก

  อยากเป็นนก หนีไกล ใจสลาย

  อยากลืมฝัน ที่เคยรัก ปักใจกาย

  อยากลืมสาย สัมพันธ์ อันมืดมนฯ

๐เมื่อหมดรัก จากใจ ไฟก็มอด

  หมดอ้อมกอด พลอดพร่ำ ย้ำอีกหน

  หมดกิเลส ตัณหา ลาหน้ามล

  หมดใจยล สิ้นสเน่หา ไฟราคีฯ

๐๓/๑๐/๒๕๖๐ @ ๑๗.๕๐ น.
ต๋อย. (คนพเนจร)

บันทึกธรรมพระราชพรหมยาน

บันทึกธรรมพระราชพรหมยาน

อุเบกขาตัวนี้ คือวางเฉยต่ออาการของชาวบ้าน ชาวบ้านที่ทำให้เราไม่ชอบใจก็ดี ทำให้เราชอบใจก็ตาม เราเฉยเสียไม่ยอมรับนับถือทั้งชอบใจและไม่ชอบใจนะขอรับ นี่เป็นเรื่องธรรมดาๆ นะ แล้วถ้าสูงขึ้นไปอีกนิด ก็อุเบกขาเหมือนกัน วางเฉยในขันธ์ 5 นี่สำคัญนะขอรับตัวนี้เป็นตัวแท้ ไอ้ตัวเมื่อกี่นี้ตัวหน้าตัววางเฉยเรื่องราวของชาวบ้านที่เขาพูดไม่ถูกหรือทำไม่ถูกใจ หรือทำไม่ถูกใจ พูดไม่ถูกใจ เราวางเฉยไม่เอาอารมณ์ไปยุ่ง ไอ้ยังงี้เป็นเรื่องเปลือกๆ เป็นอาการของเปลือก ไม่ใช่เนื้อ อุเบกขาที่แท้ต้องเป็นสังขารรุเปกขาญาณวางเฉยในขันธ์ 5 เรื่องของขันธ์ 5 มันจะรับอะไรมาก็ตาม เราเฉยเสีย คิดว่านี่เป็นธรรมของคนที่เกิดมามีชีวิต คนที่เกิดมามีขันธ์ 5 มันต้องมีอาการอย่างนี้เป็นปกติ ไม่มีใครจะพ้นอาการอย่างนี้ไปได้ ถึงแม้ว่าเราจะหลีกหนีให้พ้นไปสักขนาดใดก็ตาม เราจะมีเงินมีทองมีอำนาจวาสนาบารมียังไงก็ตาม ไม่สามารถจะพ้นโลกธรรม 8 ประการไปได้ คือ 1. มีลาภ 2. เสื่อมลาภ 3. มียศ 4. เสื่อมยศ 5. นินทา 6. สรรเสริญ 7. สุข 8.ทุกข์

อาการ 8 ประการนี้ คนในโลกทั้งหมดหนีไม่พ้น ที่นี้เมื่ออาการภายนอกอย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้นมา เราก็วางเฉยเสีย ถือว่าเรื่องของขันธ์ 5 เป็นธรรมดา คนมีขันธ์ 5 ต้องมีการกระทบกระทั่งทั้งทางหูและทางตา หนีไม่ได้ก็ปล่อยมัน เหมือนกับคนเดินอยู่กลางทุ่งที่ไม่มีอะไรบัง ฝนจะตกก็ดี แดดจะออกก็ดี ก็ต้องถูกตัว แต่เราก็ไม่โกรธแดดโกรธฝน เพราะถือเราเป็นคนเดินดิน มันหนีไม่พ้น ทีนี้มาถ้าขันธ์ 5 มันป่วยไข้ไม่สบาย หรือมันจะตาย เราก็วางเฉยอีก เพราะว่าขันธ์ 5 สภาวะมันเป็นอย่างนี้ มันจะพังอย่างนี้ มันจะต้องป่วยอย่างนี้เป็นของธรรมดา เราก็เฉยมันเสียแต่ไม่เฉยเปล่านะ เอาจิตเข้าไปจับพระนิพพานเป็นอารมณ์ด้วย และนอกจากนั้น ถ้ารักษาเพื่อระงับเวทนาได้ก็ควรรักษา เมื่อรักษามันหายก็หาย ไม่หายก็ตามใจ นี่เรื่องของมัน วางเฉยไว้ คิดว่าถ้ามันทรงอยู่เราก็จะเลี้ยงมันไว้ ถ้ามันทรงอยู่ไม่ได้ เราก็จะไปนิพพาน ขันธ์ 5 มันเป็นตัวถ่วง เป็นตัวให้เกิดในวัฏฏสงสาร ถ้าเราข้องใจในมันเมื่อไร ความทุกข์ก็ไม่ถึงที่สุดเมื่อนั้น หมายความว่าความทุกข์มันก็จะปรากฏเมื่อนั้น ถ้าเราเลิกข้องใจกับมันเมื่อไร เลิกสนใจกับมันเมื่อไร เราก็สิ้นทุกข์เมื่อนั้น

จาก หนังสือ มหาสติปัฏฐาน4 หลวงพ่อพระราชพรหมยาน



"..การเพ่งโทษผู้อื่น ทำให้ตัวเองไม่เป็นสุข

แต่การเพ่งดูใจตนเอง ทำให้เป็นสุขได้

แม้กำลังโกรธมาก หากเพ่งดูใจตัวเองให้เห็นว่ากำลังโกรธมาก ความโกรธก็จะลดลง หากเพ่งดูใจตัวเองให้เห็นว่ากำลังโกรธน้อย ความโกรธก็จะหมดไป

จึงกล่าวได้ว่า ไม่ว่าจะมีอารมณ์ใดก็ตาม โลภ หรือโกรธ หรือหลงก็ตาม หากเพ่งดูใจให้เห็นอารมณ์นั้นแล้ว อารมณ์นั้นจะหมดไป ได้ความสุขมาแทนที่ ทำให้มีใจสบาย.."

สมเด็จพระญาณสังวรฯ


นักขัตตชาดก
                            ว่าด้วยประโยชน์คือฤกษ์
          มีคหบดีอยู่ในชนบทท่านหนึ่ง ต้องการไปสู่ขอกุลธิดาในกรุงสาวัตถีให้แก่บุตรชายของตนเอง ได้กำหนดวันสู่ขอและนัดหมายกันไว้เรียบร้อยแล้ว ครั้นถึงวันนัดหมายจึงไปถามอาชีวกในตระกูลของตน  เขามีความโกรธมากที่ไม่มาปรึกษาตนก่อน กำหนดวันเอาตามพอใจตน  จึงต้องการที่จะสั่งสอนเขาเสียบ้าง  แล้วพูดว่าวันนี้ฤกษ์ไม่ดีถ้าขืนทำไปจักพินาศใหญ่ เขาจึงเชื่อและเลื่อนกำหนดการสู่ขอเป็นวันรุ่งขึ้นตามที่ตนนัด
           ฝ่ายบ้านเจ้าสาวได้จัดงานมงคลไว้พร้อมแล้ว  ไม่เห็นพวกเจ้าบ่าวมาตามที่นัดหมาย  จึงยกธิดาของเขาให้แก่ตระกูลอื่นไป พอวันรุ่งขึ้นขบวนเจ้าบ่าวคหบดีมาสู่ขอ   ชาวเมืองสาวัตถีพากันบริภาษขบวนเจ้าบ่าวว่า   พวกท่านสมกับที่ได้ชื่อว่าเป็นคนบ้านนอก  ขาดความเป็นผู้ดี  เป็นคนลามก  กำหนดวันไว้แล้ว ดูหมิ่นเสียไม่มาตามกำหนด  เชิญกลับไปตามทางที่มากันนั่นแหละ  พวกเรายกเจ้าสาวให้คนตระกูลอื่นไปแล้ว คราวนี้จักนำ
ตัวเจ้าสาวที่ให้เขาไปแล้วมาอีกได้อย่างไรเล่า ?  ทั้งสองจึงเกิดเรื่องทะเลาะวิวาทกันเรื่อง ที่ไม่ได้ตัวเจ้าสาว
            พระศาสดาประทับอยู่วัดเชตะวัน เมืองสาวัตถี ตรัสถามว่า   ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้พวกเธอกำลังสนทนากันเรื่องอะไร?   ภิกษุทั้งหลายจึงกราบทูลให้ทรงทราบ  และพระศาสดาทรงเอาเรื่องในอดีตมาสาธก... ในครั้งนั้นพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติในกรุงพาราณสี   มีชาวพระนครพากันไปสู่ขอธิดาของชาวชนบท  กำหนดวันแล้วไม่มาตามนัด เพราะไปเชื่ออาชีวก  ฝ่ายเจ้าบ่าวและฝ่ายเจ้าสาวได้โต้เถียงกันอยู่อย่างนี้  พอดีมีบุรุษผู้เป็นบัณฑิตชาวเมืองคนหนึ่ง  ไปชนบทด้วยกิจการบางอย่าง  ได้ยินว่าชาวเมืองไม่มาสู่ขอเจ้าสาวเพราะฤกษ์ไม่ดี  ฤกษ์จะมีประโยชน์อะไร?  เพราะการได้เจ้าสาวก็ถือเป็นฤกษ์ดีอยู่แล้ว มิใช่หรือ ? จึงได้กล่าวคาถานี้ความว่า...
 "ประโยชน์ผ่านพ้น
คนโง่ ผู้มัวคอยฤกษ์ยามอยู่
ประโยชน์เป็นฤกษ์ของประโยชน์
 ดวงดาวทั้งหลาย จักทำอะไรได้"
               มิใช่แต่ในบัดนี้เท่านั้น ที่อาชีวกนั้น ทำการขัดขวางงานมงคลของตระกูลนั้น  ถึงในครั้งก่อนก็ได้กระทำแล้วเหมือนกัน  ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาตรัสแล้ว   ทรงสืบอนุสนธิประชุมชาดกว่า   อาชีวกในครั้งนั้นได้มาเป็นอาชีวกในครั้งนี้  แม้ตระกูลทั้งสิ้นในครั้งนั้นก็ได้มาเป็นตระกูลในครั้งนี้  ส่วนบุรุษผู้เป็นบัณฑิตผู้ยืนกล่าวคาถาได้มาเป็นเราตถาคต  ฉะนี้แล.
ขุ.ชา.เอกก.อ.(ไทย) ๓/๔๙-๕๓
        ๐๐๐ ประโยชน์ได้ล่วงเลย  คนโง่เขลาที่มัวรอคอยฤกษ์ยามอยู่  ประโยชน์นั่นแหละเป็นฤกษ์ของประโยชน์  ดวงดาวทั้งหลายจักทำอะไรได้.

ขุ.ชา.อฏจก.(ไทย)๒๗/๔๙/๒๐

" อรุณ ,ตะวัน ,จันทรา ,ราตรี "

" อรุณ ,ตะวัน ,จันทรา ,ราตรี "

-: กลอนแปดสุภาพ :-

๐ อรุณ.ฉาน  รานรัก  ปักในอก

   อรุณ.ผก  โผล่นภา  ฟ้าสยาม

   อรุณ.ฉาย แสงเรื่อ เจือเย็นยาม

   อรุณ.งาม  รามรับ  จับนภาฯ

๐ ตะวัน.ส่อง  แสงงาม  เมื่อยามเช้า

   ตะวัน.เร้า   เหหัก   ปักเวหา

   ตะวัน.งาม ยามเที่ยง เบี่ยงสายตา

   ตะวัน.ลา  ตะวันลับ  กลับไปนอนฯ

๐ จันทรา.มา ฉายแสง แรงตอนค่ำ

   กระต่ายต่ำ   เพ่งพิศ   ชิดสมร

   จันทราสูง  เกินไป  ใจร้าวรอน

   กระต่ายนอน คอยจันทร์ ฝันอยู่เดียวฯ

๐ ราตรีแสน  ยาวนาน  ไม่หวานจิต

   ช่างมืดมิด จันทรา มาเพียงเสี้ยว

   กระต่ายน้อย  แค่แล  แม่รูปเรียว

   แม้แค่เสี้ยว หรือเต็มดวง ก็ห่วงจันทร์ฯ

   ต๋อย.( คนพเนจร )

   ๓๐ ก.ย. ๒๕๖๑ @ ๑๙.๓๐ น.

"วันสิ้นอำนาจ"

"วันสิ้นอำนาจ"

-:กลอนแปดสุภาพ:-

๐อนิจจัง  อนิจจา  ชราคาด

  หมดอำนาจ วาสนา ชะตาเอ๋ย

  คนห้อมล้อม คงไม่มี เหมือนดั่งเคย

  อาจเฉยเมย  เย็นชา  เวลาเจอฯ

๐โอ้หัวโขน   ขอถอดไว้   ไม่ใส่แล้ว

   ยามเพริดแพร้ว คนดูแล แห่เสนอ

   จะต้องการ  สิ่งอะไร  ใฝ่บำเรอ

   ต้องเลิศเลอ  สมใจ  ดังใฝ่ปองฯ

๐หมดเวลา   ภาระ   และหน้าที่

  หมดกันที่   ยศศักดิ์   จักผยอง

  ทั้งลาภยศ  ชื่อเสียง  และเงินทอง

  มันแค่ของ นอกกาย อย่าหมายเลยฯ

๐แม้กายเรา   ก็เอา   ไปไม่ได้

  แล้วจะหมาย สิ่งใด ใคร่เฉลย

  คงเหลือแต่  ชั่วกับดี  ที่เราเคย

  จะเกาะเกย  เกิดกฎ  กำหนดกรรมฯ

๒๙/๐๙/๒๕๖๐ @ ๑๑.๐๐ น. ต๋อย.(คนพเนจร)
ขอมอบแด่ผู้มีอำนาจทั้งหลาย ที่จะเกษียณอายุราชการ
ในวันที่ ๓๐ กันยายน นี้ ด้วยความปรารถนาดี.

"พิรุณ-พิโรธ"

"พิรุณ-พิโรธ"

๛กลอนแปดสุภาพ๛

๏พระพิรุณ โปรยปราย พระพายพัด

   กระเซ็นซัด  สาดนอง  ท้องถนน

   กอ ทอ มอ  ท่วมท้น  ล้นเมืองนนท์

   โอ้สายชล  ไหลมา  พาเศร้าใจฯ

๏ท่วมบ้านเรือน ล้นราด ตลาดขวัญ

   น้ำตะบัน  ปากเกร็ด  จนหมองไหม้

   แจ้งวัฒนะ   รันทด   หมดหัวใจ

   น้ำเอ่อไป   สามัคคี   มีประชาฯ

๏ทั้งขาขึ้น  ขาล่อง  น้ำนองเจิ่ง

   ชะวากเวิ้ง เวียนวน ล้นท่วมขา

   ไม่คิดเลย ขับรถล่อง ท้องธารา

   ดั่งนาวา  เคลื่อนไป  ในสายชลฯ

๏พระพิรุณ โปรยมา พาให้ทุกข์

   ไม่สนุก   น้ำนอง   ท้องถนน

   โอ้ชีวิต   เคยชื่น   รื่นกมล

   ต้องทุกข์ทน ฝนมา ธารานองฯ

29/09/2559 @ 09.15 น. ต๋อย.
 ์

" เพียง แค่ คิด ถึง " -: กาพย์ยานี ๑๑ :-

" เพียง แค่ คิด ถึง "

-: กาพย์ยานี ๑๑ :-

๐ เพียง..พิศ       จิตประหวั่น

   เพียง..แค่ฝัน   ก็รำพึง

   เพียง..มอง      ต้องตะลึง

   เพียง..คนึง      นึกถึงเธอฯ

๐ แค่..คิด           คงไม่ถึง

   แค่..รำพึง        จึงเสนอ

   แค่..ฝัน            อยากได้เจอ

   แค่..ละเมอ       จึงเผลอครวญฯ

๐ คิด..ถึง             เธอเสมอ

   คิด..ละเมอ        เธอไม่หวน

   คิด..ไป              ใจรัญจวน

   คิด..ถึงนวล        ยิ่งป่วนใจฯ

๐ ถึง..แม้               จะไกลห่าง

   ถึง..ลาร้าง           ห่างไฉน

   ถึง..แม้                 เธออยู่ไกล

   ถึง..จากไป           ยังใฝ่ปองฯ

   ต๋อย. ( คนพเนจร )

   ๒๗ ก.ย. ๒๕๖๑

"มันก็เป็นเช่นนั้นแล"

"มันก็เป็นเช่นนั้นแล"
      (Fb & Line)
-:กลอนแปดสุภาพ:-

๐ทั้งหนุ่มสาว เฒ่าชรา ภาษาโลก
  
   มีสุขโศก ตามชะตา อย่าสงสัย

   จะหนักนิด เบาหน่อย ค่อยอภัย

   ควรเข้าใจ วัยมันพา อย่าว่ากันฯ

๐ส่งดอกไม้ คติธรรม นำชีวิต

   รูปโป๊นิด เปลือยหน่อย ปล่อยใจฝัน

   รูปพระบ้าง ชีบ้าง เป็นบางวัน

   ส่งคำขวัญ ว่าฝันดี ราตรีกาลฯ

๐รุ่งอรุณ ตื่นมา เปิดหาเพื่อน

   ว่าใครเตือน ส่งความสุข สนุกสนาน

   ทั้งตลก ทั้งเศร้า เคล้าดวงมาลย์

   จะเนิ่นนาน อย่างไร ใจไม่ลืมฯ

ต๋อย.(คนพเนจร) 25/09/2560


"ก็คนมันชอบกินหอยนี่"

๐ถึงอายุ ของพี่ จะกี่รอบ

  พี่ก็ชอบ ของพี่ อย่างนี้แหละ

  เห็นของสด ของขาว มีคาวแยะ

  พี่ก็แคะ  อยากชิม  ลิ้มเนื้อในฯ

Only The Lonely!

Only The Lonely!

"นั่งอยู่เดียว  เปลียวจิต  คิดถึงเพื่อน

นั่งมองเดือน  ไร้ดาว  สกาวใส

เหมือนตัวเรา  อยู่เดียว  เปลียวหัวใจ

ไม่มีใคร  เหลียวดู  เป็นคู่ครองฯ

มองเห็นนก  ผกผิน  บินกลับถิ่น

ยิ่งถวิล  ปักษี  ยังมีสอง

หรือชะตา  ฟ้าลิขิต  ผิดทำนอง

พาให้หมอง  มัวมิตร  ชิดกายา"

(นักกลอนตอนเมา).....55555

ต๋อย.(คนพเนจร)

๒๒/๐๙/๖๑


"ฝนทิ้งช่วง"

๏กลอนหก๏

๛ฝนมา  ฟ้าหม่น  ทนเศร้า

    เงียบเหงา เหม่อลอย คอยหา

    ฝนพร่ำ  ฉ่ำพื้น  ธารา

    นาวา  ลำน้อย  ลอยไปฯ

๛ทิ้งฝั่ง  ให้เหงา  เปล่าจิต

    รอมิตร ร่วมเรียง เคียงใกล้

    ฝนจาก  ร้างลา  อาลัย

    ทิ้งใคร หงอยเหงา เฝ้าคอยฯ

๛ฝนพร่ำ ร่ำเรียก เพรียกหา

    ฝนร้าง  จากตา  สุดสอย

    ฝนทิ้ง  ช่วงไป  ใจลอย

    เฝ้าคอย ฝนมา หากันฯ

๛ลืมแล้ว  หรือไร  ไกลพี่

    คนดี   ที่เคย   ใฝ่ฝัน

    ลืมรัก  ลืมรส  ลืมวัน

    มองจันทร์ ร้าวรวด ปวดใจฯ

23/09/2559 @ 08.38 น. ต๋อย.(คนพเนจร)

"คลองมอญ"

 คลองมอญ

"คลองมอญ"

-:กลอนแปดสุภาพ:-

๐น้ำค้างพรม ลมโชย ระโรยรื่น

  ยามค่ำคืน  ลมเย็น  เด่นเวหา

  ใครเป่าปี่   สีซอ   ล้อลมมา

   เห็นดารา ล้อมรับ กำกับเดือนฯ

๐คิดถึงคน คลองมอญ นอนไม่หลับ

   กระส่ายสับ ดังใจ ถูกใครเฉือน

   แม้ตัวไกล แต่ใจ ไม่ลืมเลือน

   ยังย้ำเตือน ใจอยู่  มิรู้คลายฯ

๐คลองมอญกั้น กันใจ ให้ไกลห่าง

   คลองมอญขวาง ทางรัก ให้หักหาย

   อยากข้ามน้ำ ไปอยู่ คู่เคียงกาย

   วอนพระพาย พัดพา ไปหาเธอฯ

๐เธอคิดถึง ใครเล่า ฉันหรือเปล่า

   อยากบอกกล่าว ว่ารัก ภักดิ์เสมอ

   หากเธอฝัน ถึงใคร ใฝ่ละเมอ

   ฉันคงเก้อ  เพ้อหา  ชีวาวายฯ

๒๑/๐๙/๒๕๖๐ @ ๑๙.๐๐ น.

ต๋อย.(คนพเนจร)

ไกลชู้

ไกลชู้

" ไกลชู้ "

-:กลอนแปดสุภาพ:-

๐ พี่ฝันถึง   ดวงใจ   หทัยพี่

       แม่คนดี  พุ่มพวง  ดวงสมร

           เจ้าจากไป ไกลฤดี หนีจากคอน

                ดุจภมร  บินลาลับ  ไม่กลับมาฯ

                ๐ เคยพร่ำพลอด กอดเธอ ละเมอฝัน

             เคยดูจันทร์   ชี้ชม   ลมเมษา

        จนเดือนคล้อย ลอยกลับ ลับเมฆา

   ทิ้งนภา   ลาลับ   ไม่กลับคืนฯ

๐ ยินสายลม  ครวญคร่ำ  ระกำจิต

        ไร้คู่ชิด   สนิทแนบ   แอบกายชื่น

             ยามนิทรา  ไม่เคยหลับ  นับวันคืน

                 ต้องกล่ำกลืน  ฝืนใจ  หทัยครวญฯ

                ๐ สงสารน้อง สงสารนุช สุดแสนเศร้า

             โอ้นงเยาว์  อย่าวิโยค  โศกกำสรวล

         พี่นอนฝัน   ถึงเจ้า   เฝ้ารัญจวน

   โอ้เนื้อนวล  ฝันถึงบ้าง  หรืออย่างไรฯ

   ต๋อย. ( คนพเนจร )

   ๒๐/๐๙/๒๕๖๑ @ ๑๔.๐๐ น.


 เพ็ญโสภา

" เพ็ญโสภา "

-:กลอนแปดสุภาพ:-

๐ เพ็ญจันทรา  ส่องฟ้า  นภาแล้ว

   งามเพริดแพร้ว แวววับ ขับสีสัน

   แสงเรืองเรื่อ  ทาบทับ  ดับตะวัน

   วงพระจันทร์  งามระยับ  ประดับใจฯ

๐ ดุจตัวเธอ  เป็นจันทร์  อันสูงส่ง

   ไม่ก้มลง    ดูดิน    ถวิลไห้

   ดินแหงนมอง ดูจันทร์ อันอำไพ

   ดินฝันใฝ่  แค่คิด  เป็นมิตรกันฯ

๐ ยามได้พบ  สบเนตร  แม่เกศแก้ว

   หลงรักแล้ว   หัวใจ   เฝ้าใฝ่ฝัน

   ดินหวังปอง   มองดู   อยู่ทุกวัน

   ขอแค่จันทร์  ไม่ทุกข์  ดินสุขใจฯ

๐ เพ็ญโสภา  ส่องสว่าง  อยู่กลางฟ้า

   เพ็ญนภา   ส่องชีวิต   จิตสดใส

   แม้ชีวิต   ดับดิ้น   จนสิ้นใจ

   แต่หทัย  ขออยู่  เป็นคู่จันทร์ฯ

   ต๋อย. (คนพเนจร)

   ๒๕ ก.ย. ๒๕๖๑ @ ๑๙.๓๐ น.

"บทส่งท้ายปลายอีสาน"

"บทส่งท้ายปลายอีสาน"

-:กลอนแปดสุภาพ:-

๐จากนครพนม อาลัย ใจแทบขาด

  เหมือนฟ้าฟาด พาดใน หทัยพี่

  ลาแล้วหนา  ฝั่งโขง  เมืองคนดี

  สง่าศรี   สวยงาม   ยามได้ยลฯ

๐ผ่านพระธาตุ  ชุลีกร  ตอนสายสาย

  ให้สมหมาย  ดังคิด  สัมฤทธิ์ผล

  ขับเรื่อยเรื่อย ตามทาง หว่างสกล

  นฤมล    คนดี    ช่วยชี้ทางฯ

๐พอมาถึง  มุกดาหาร  สถานถิ่น

  เป็นแดนดิน หมายปอง ที่หมองหมาง

  พี่บุญน้อย  ได้ยินชื่อ  เพียงลางลาง

  ดุจฟ้าขวาง  กั้นไว้  ให้ไกลชมฯ

๐เขมราฐ  ไม่แวะไป  เพราะไกลนัก

  อยากแวะพัก แต่ก็ไกล ใจขื่นขม

  เปิดกระจก  ปิดแอร์  รับสายลม

  ใจระทม   ตรมจิต   คิดอาวรณ์ฯ

๐ถึงโขงเจียม  เจียมใจ  หทัยเศร้า

  อยากจะเข้า เลี้ยวไป ตามลูกศร

  ไปนอนเขื่อน เลื่อนลับ กับบังอร

  สายสมร   คนดี   ศรีลาวัลย์ฯ

๐แต่เวลา  ไม่อำนวย  ระรวยรื่น

  ไม่แช่มชื่น  เป็นใจ  ดังใฝ่ฝัน

  นอนตัวเมือง  อุบล  ทนกัดฟัน

  ไม่สุขสันต์  สมจิต  ที่คิดเลยฯ

๐จากอุบล  เข้าสุรินทร์  ถิ่นปราสาท

  โอ้นงนาฏ  หวานใจ  ใยนิ่งเฉย

  อยากแวะด่านฯ ช่องจอม ขอชมเชย

  สุดเฉลย  เอ่ยล้ำ  จำต้องลาฯ

๐ถึงโคราช  แดนดิน  ถิ่นเมืองย่า

  งามสง่า  กว้างไกล  ใจหรรษา

  เข้าที่พัก  อาบน้ำ  ฉ่ำกายา

  พอค่ำมา กินข้าวต้ม สุขสมใจฯ

๐ถึงครูต้อ  ใกล้เพล  เอนกายนั่ง

  แล้วก็สั่ง  เบียร์มา  พาสุขใส

  แกล้มสเต็ก  ดื่มด่ำ  ฉ่ำหทัย

  จวบจนใกล้ บ่ายกว่า ลาจากจรฯ

๐ถึงกรุงเทพฯ เมืองกรุง จรุงจิต

  รถเริ่มติด  ส่งคนดี  ศรีสมร

  กลับถึงบ้าน เพียรพร่ำ ร่ำคำกลอน

  ใจอาวรณ์  ถึงอีสาน  หวานฉ่ำทรวงฯ

19/09/56 @ 16.45 น. ต๋อยครับ.

วัดภูก้อน อ.นายูง จ.อุดรธานี

วัดภูก้อน อ.นายูง จ.อุดรธานี

"สู่ทางธรรม"

😄วัดภูก้อน   อุดร   ตอนเย็นย่ำ

        ช่างงามล้ำ อยู่ในป่า พนาสัณฑ์

            บนเนินเขา   ทิวทับ   สลับกัน

                 พฤกษ์ไพรวัลย์ รายรอบ ขอบเสมาฯ

😃ตะลึงแล   ชะแง้ดู   โอ้ภูก้อน

        เมืองอุดร   ธานี   ที่ฝันหา

            เห็นแต่รูป  ครานี้  พี่ได้มา

                สุขอุรา   ร่มรื่น   ชื่นหทัยฯ

😀เย็นระรื่น   ชื่นชม   ภิรมย์จิต

        แนบสนิท พฤกษา พาผ่องใส

            เขียวขจี  แลรอบ  ขอบพงไพร

                แลทางไหน   ชื่นชม   สมอุราฯ

😊อยากจะฝัง  หัวใจ  ไว้ที่นี่

        เข้าพงพี ร่ำเรียน เพียรศึกษา

            สงบจิต   สงบใจ   ใกล้ชรา

                ทิ้งตัณหา  หลีกลี้  หนีอบายฯ

08/04/57 @ 17.17 น.

ต๋อย.(คนพเนจร)

ชาติหน้ามีจริงหรือไม่ ?

เมื่อถาม หลวงปู่ชาว่า ชาติหน้ามีจริงหรือไม่ ท่านตอบว่า ใครเชื่อก็โง่แล้ว ยังไม่ทันอ้าปากเถียง เจอคำอธิบายตามมา ก้มกราบสาธุแทบไม่ทัน

หลายๆศาสนาในโลกต่างก็สอนเราเรื่อง นรก สวรรค์ การเวียนว่ายตายเกิด กันทุกศาสนารวมทั้งพระพุทธศาสนาก็มีในคำสอนด้วยเช่นกัน แต่เมื่อมีคนถาม หลวงปู่ชา สุภทฺโท กลับได้คำตอบที่ตรงกันข้าม แต่พอจะอ้าปากเถียงก็โดนสวนกลับด้วยธรรมอันลึกซึ้ง จนต้องรีบก้มกราบอย่างไม่ติดใจ วันนี้ ทีมงานสยามนิวส์จึงมีธรรมะดีๆจากคำสอนของหลวงปู่ชามาให้อ่านกัน ซึ่งอาจจะทำให้ใครหลายคน มีดวงตาที่เห็นธรรมขึ้นมาอีกระดับนึงเลยก็ว่าได้



ชาติหน้ามีจริงหรือไม่ ?

โยม : ชาติหน้ามีจริงไหมครับ ?

หลวงปู่ชา : ถ้าบอกจะเชื่อไหมล่ะ ?

โยม : เชื่อครับ

หลวงปู่ชา : ถ้าเชื่อคุณก็โง่

คำพูดดังกล่าวของหลวงปู่เล่นเอาคนถามงง ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ซึ่งหลวงปู่ชา ได้อธิบายไว้ว่า….

“หลายคนถามอาตมาเรื่องนี้ อาตมาก็ถามเขาอย่างนี้เหมือนกันว่า ถ้าบอกแล้วจะเชื่อไหม ถ้าเชื่อก็โง่ เพราะอะไร ? ก็เพราะมันไม่มีหลักฐานพยานอะไรที่จะหยิบมาให้ดูได้ ที่คุณเชื่อเพราะคุณเชื่อตามเขา คนเขาว่าอย่างไร คุณก็เชื่ออย่างนั้น คุณไม่รู้ชัดด้วยปัญญาของคุณเอง คุณก็โง่อยู่ร่ำไป ทีนี้ถ้าอาตมาตอบว่า คนตายแล้วเกิดหรือว่าชาติหน้ามี อันนี้คุณต้องถามต่อไปอีกว่า ถ้ามีพาผมไปดูหน่อยได้ไหม เรื่องมันเป็นอย่างนี้ มันหาที่จบลงไม่ได้ เป็นเหตุให้ทะเลาะทุ่มเถียงกันไปไม่มีที่สิ้นสุด ทีนี้ ถ้าคุณถามว่าชาติหน้ามีไหม อาตมาก็ถามว่า พรุ่งนี้มีไหม ถ้ามีพาไปดูได้ไหม

อย่างนี้คุณก็พาไปดูไม่ได้ ถึงแม้ว่าพรุ่งนี้จะมีอยู่ แต่ก็พาไปดูไม่ได้ อย่างนี้เป็นต้น ถ้าวันนี้มี พรุ่งนี้ก็ต้องมี แต่สิ่งนี้มันเป็นของที่จะหยิบยกมาเป็นวัตถุตัวตนให้เห็นไม่ได้

ความจริงแล้ว พระพุทธองค์ท่านไม่ให้เราตามไปดูถึงขนาดนั้น ไม่ต้องสงสัยว่า ชาติหน้ามีหรือไม่มี ไม่ต้องถามว่า คนตายแล้วจะเกิดหรือไม่เกิด อันนั้นมันไม่ใช่ปัญหา มันไม่ใช่หน้าที่ของเรา หน้าที่ของเราคือ เราจะต้องรู้เรื่องราวของตนเองในปัจจุบัน เราต้องรู้ว่า เรามีทุกข์ไหม ถ้าทุกข์ มันทุกข์เพราะอะไร นี้คือสิ่งที่เราต้องรู้ และเป็นหน้าที่โดยตรงที่เราจะต้องรู้ด้วย”

พระพุทธเจ้าท่านสอนให้เราถือเอาปัจจุบันเป็นเหตุของทุกอย่าง เพราะว่าปัจจุบันเป็นเหตุของอนาคต คือถ้าวันนี้ผ่านไป วันพรุ่งนี้มันก็กลายมาเป็นวันนี้ นี่เรียกว่าอนาคตคือพรุ่งนี้ มันจะมีได้ก็เพราะวันนี้เป็นเหตุ ทีนี้อดีตก็เป็นไปจากปัจจุบัน หมายความว่า ถ้าวันนี้ผ่านไป มันก็กลายเป็นเมื่อวานเสียแล้ว นี่คือเหตุที่มันเกี่ยวเนื่องกันอยู่ ฉะนั้น พระพุทธเจ้าท่านจึงสอนให้เราพิจารณาเหตุทั้งหลายในปัจจุบัน เท่านี้ก็พอแล้ว ถ้าปัจจุบันเราสร้างเหตุไว้ดี อนาคตมันก็จะดีด้วย อดีตคือวันนี้ที่ผ่านไป มันย่อมดีด้วย และที่สำคัญที่สุดคือ ถ้าเราหมดทุกข์ได้ในปัจจุบันนี้แล้ว อนาคตคือชาติหน้าก็ไม่จำเป็นที่จะต้องพูดถึง
ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก

Cr สาระเร็ว

"ความหวังมลาย (Hopeless)"

"ความหวังมลาย(Hopeless)"

-:กลอนตลาด:-

๐ถ้าเราได้  สิ่งใด  ดังใจคิด

  ทั้งชีวิต ถ้าเราได้ ในสิ่งหวัง

  คงมากมาย เหลือล้น จนบ้านพัง

  อาจต้องฝัง  ใส่ไห   ไว้ใต้ดินฯ

๐ได้แต่หวัง  แต่ไม่ได้  ดังใจดอก

   เราแค่หลอก ใจเรา เอาทรัพย์สิน

   ก่อนหวยออก เราก็หวัง เป็นอาจิณ

   แต่ถูกกิน   ย่อยยับ   แทบอับจนฯ

๐แล้วตั้งจิต   ตั้งใจ   เอาไว้ว่า

  ในงวดหน้า  จะไม่ซื้อ  ดูสักหน

   แต่พอใกล้ หวยออก กลับดิ้นรน

   ชีวิตคน   วนว่าย   อบายกรรมฯ

๐ไม่ผิดดอก  ที่เราคิด  ไม่ผิดดอก

   เพราะถูกหลอก ตอนเด็ก ให้ถลำ

  ให้บนบาน  ศาลกล่าว  มีเจ้านำ

   เลยเกิดกรรม ไร้สุข เป็นทุกข์ใจฯ

16/09/2558 @ 21.50 น. ต๋อย.

"น้ำเหนือบ่า"

"น้ำเหนือบ่า"

-:กลอนแปดสุภาพ:-

๐โอ้ลำปาง  น้ำป่า  บ่ามาแล้ว

   ชาวบ้านแจว  หนีน้ำ  จ้าละหวั่น

   ทั้งแจ้ห่ม  แม่เมาะ  เคราะห์พอกัน

   น้ำตะบัน  แม่เสรียง  พร้อมเชียงรายฯ

๐ แม่น้ำคำ แม่น้ำจัน  กั้นไม่อยู่

   น่าอดสู  ดูไป  แล้วใจหาย

   พรหมพิราม  ท่วมล้น  จนวอดวาย

   ทั้งวัวควาย  ไร่นา  พากันจมฯ

๐ เมืองอุทัย  ธานี  นี่ก็เศร้า

   น้ำก็เข้า  ท้องนา  จนสาสม

  เลือกเธอมา  กลับช้ำ  ทำระบม

   ต้องระทม  ตรมจิต  คิดอยากตายฯ

   ต๋อย.(คนพเนจร)

   ๑๔ ก.ย. ๒๕๕๕

"รักเร่"

"รักเร่"

-:กลอนแปดสุภาพ:-

๛โอ้รักเร่   เร่รัก   สลักจิต

รักสถิต หัวใจใคร อยากใคร่ถาม

รักเร่ช่าง  ไพเราะ  เสนาะนาม

คล้ายนงราม น่ารัก เกินหักใจฯ

๛อยากจะเด็ด มาดม ชื่นชมอยู่

แต่ไม่รู้  กลัวเจ้า  จะผลักไส

พเนจร ร่อนเร่มา จากแดนไกล

อยากฝากใจ ฝากรัก ภักดิ์ให้เธอฯ

๛เหมือนรักเร่  เร่มา  หาคู่ชิด

อยากสนิท แนบหทัย ใฝ่เสนอ

ได้แต่มอง ร้องร่ำ พร่ำละเมอ

ถึงแม้เจอ แต่ไม่กล้า คว้ามาชมฯ

๛งามเหลือเกิน เพลินมอง ทั้งสองเนตร

คิ้วโก่งเกศ    หน้าตา    สง่าสม

ได้แต่มอง  แอบรัก  เพียงลมลม

เจ้าตาคม   รักเร่   เสน่ห์นางฯ

15/09/2559 @ 10.25 น. ต๋อย.( คนพเนจร )

Wednesday, October 3, 2018

" ดินถวิลดาว "

" ดินถวิลดาว "

-: กลอนแปดสุภาพ :-

๐ อยากเก็บดาว ที่สกาว อยู่บนฟ้า

   เก็บเอามา   แนบไว้   ในใจพี่

   เก็บเอาไว้  แม้ใจดาว  ไม่ปราณี

   ไม่ใยดี  ปล่อยให้ดิน  ถวิลดาวฯ

๐ รักเอ๋ยรัก  ปักซึ้ง  ตรึงทรวงอก

   แม่ช้ำชก   อกช้ำ   ดำเป็นขาว

   ดินขอเพียง ได้มอง ปองชั่วคราว

   แม้ปวดร้าว  เจ็บช้ำ  ก็จำทนฯ

๐ ดินถวิล   ดวงดาว   สกาวฟ้า

   มองนภา   มืดมิด   จิตสับสน

   เดือนข้างแรม ไร้ดาว พราวแสงยล

   ดินต้องทน   ชอกช้ำ   ระกำใจฯ

๐ เปรียบตัวเธอ เป็นดาว พราวพร่างฟ้า

   บนนภา   ล้อมเดือนอยู่   ดูสดใส

   พี่เป็นดิน  ถวิลครวญ  รัญจวนใจ

   ในฤทัย   หวังปอง   แค่มองดาวฯ

   ต๋อย.( คนพเนจร )

   ๑๒ กันยายน ๒๕๖๑ @ ๑๘.๐๐ น.

อดีตรัก ต้อม เรนโบว์

" อดีต รัก "

-:กลอนแปดสุภาพ:-

๐ หวิวหวิวไหว ใจลอย เหม่อคอยหา

   แหงนมองฟ้า  มืดมิด  จิตหวั่นไหว

   ลมพัดหวิว   ลอยลิ่ว   พริ้วใจไป

   ลอยห่างไกล ใจลอย  คอยแต่เธอฯ

๐ อดีตรัก   ฝังในใจ   หทัยเศร้า

   มันปวดร้าว  ฝังใน  ใจเสมอ

   จะกินนอน  เดินนั่ง  ยังละเมอ

   ใจยังเผลอ คร่ำครวญ รัญจวนใจฯ

๐ อยากจะลืม  กลับจำ  คำเขาว่า

   เพราะกามา  พาจิต  ผิดวิสัย

   กายอยู่ดี   แต่จิต   กลับผิดไป

   ยังอาลัย   ห่วงหา   ภาษาคนฯ

๐ จะหันหน้า   เข้าวัด   สกัดจิต

   เพ่งพินิจ   คิดไป   ใจสับสน

   แต่ชีวิต    ยังมี    ที่กังวล

   จิตของตน ไม่สอนตน ให้พ้นกรรมฯ

   ต๋อย. ( คนพเนจร )

   ๑๔ ก.ย. ๖๑ @ ๑๗.๑๕ น.

•พระธรรมรับอรุณ•

•พระธรรมรับอรุณ• พระอาจารย์ป๊อด

[วิสฺสาสา ภยมนฺเวติ :  เพราะความไว้ใจภัยจึงตามมา]

"โบราณว่า  อย่าไว้ใจ  ใครทั้งสิ้น

ไม่ใช่หมิ่น  ใครเขา  เคล้ากังขา

อย่าสำคัญ  ใครเขา  เพียงหน้าตา

ภัยตามมา  จะนั่งเศร้า  เร้าสุมทรวงฯ"

 (๑๑/๙/๖๑)


•พระธรรมก่อนนิทรา•

[สพฺพํ ปรวสํ ทุกฺขํ   : การอยู่ในอำนาจของผู้อื่น เป็นทุกข์ทั้งสิ้น]

อันอำนาจ  บาตรใหญ่  ใครย่อมรู้
 
ถ้าหากอยู่  กับบัณฑิต  ไม่ผิดหวัง

หากว่าอยู่  กับคนพาล  ต้องภินท์พัง

อนิจจัง  จะหมดสุข  ทุกข์เข้าแทนฯ

(๑๑/๙/๖๑)

•พระธรรมรับอรุณ•

[ครุ โหติ สคารโว : ผู้เคารพผู้อื่น ย่อมมีผู้เคารพตนเอง]

"อันผู้ใด  ต้องการ  เคารพตน

ทศพล  ทรงสอน  อ่อนเดียงสา

จงให้เกียรติ  ผู้อื่น  ลดอัตตา

จริยา  ย้อนรับ  กลับหาตนฯ"

(๑๒/๙/๖๑)

•พระธรรมก่อนนิทรา•

[อนิจฺจา วต สงฺขารา :  สังขารทั้งหลาย ไม่เที่ยงหนอ]


"ขึ้นชื่อว่า  สังขาร  ตัวแต่งปรุง

ทำให้ยุ่ง  กายใจ  ไม่สุดหนอ

เมื่อมีเกิด  ตั้งอยู่  ยังไม่พอ

คอยรอต่อ  ดับไป  อย่างแน่นอนฯ"


"จะมีจิต  หรือไม่  ไม่มีเว้น

หรือจะเด่น  หรือไม่  ไม่แยแส

สรรพสิ่ง  ในโลก  ย่อมเปลี่ยนแปร

ไม่เคยแน่  ยั่งยืน  แม้สิ่งเดียวฯ

(๑๒/๙/๖๑)

•พระธรรมรับอรุณ•

[อตฺตนา  โจทยตฺตานํ  :  จงเตือนตนด้วยตนเอง]

จงเตือนตน  ของตน  ให้จงหนัก

ยิ่งคนทัก  ย้ำเตือน  อย่าผยอง

ความดีชั่ว  หากทำ  ควรไตร่ตรอง

ไม่มัวหมอง  สดใส  ใจชื่นบานฯ

(๑๓/๙/๖๑)

•พระธรรมก่อนนิทรา•

[กุทฺโธ  ปจฺฉา  ตปฺปติ :  คนมักโกรธย่อมเดือนร้อนในภายหลัง]

"โกรธเขา  เราก็รู้  ว่ารนร้อน

จะนั่งนอน  เป็นทุกข์  ไม่สุขใส

เพราะความโกรธ  มีโทษ  ดุจดังไฟ

ควรทำใจ  ให้ไม่โกรธ  โปรดคิดตรองฯ

 (๑๓/๙/๖๑)

•พระธรรมรับอรุณ•

[อตฺตานํ  นาติวตฺเตยฺย :  เป็นคนไม่ควรลืมตัว]

คนเขาด้อย  กว่าเรา  มีมากเหลือ

คนเขาเหนือ  กว่าเรา  ก็มีถม

อย่าเย่อหยิ่ง  ทรนง  มัวหลงงม

หย่าหลงชม  ว่าตัวเด่น  จะเป็นภัยฯ [มุขปาฐะ]

(๑๔/๙/๖๑)

•พระธรรมรับอรุณ•

[สทาปิ สุขปฺปตฺโต ; จงมีความสุขตลอดไป]

"รุ่งอรุณ  เบิกฟ้า  ในวันใหม่

จงมีใจ  สดใส  ผุดผ่องศรี

มีแต่เงิน  ลาภย  ศเพิ่มทวี

มากสุขี  ทุกข์หาย  มลายไกลฯ


"จะเดินทาง  ไปไหน  ทั้งไกลใกล้

ให้ปลอดภัย  มีสุข  ทุกถิ่นฐาน

มีคนรัก  เมตตา  ตลอดกาล

อย่าพบพาน  คนชั่วก  ลั้วอบายฯ

(๑๕/๙/๖๑)

•พระธรรมรับอรุณ•

[เนกาสี ลภเต สุขัง  :  บริโภคคนเดียว ย่อมไม่ได้รับความสุข]

"กินคนเดียว  ไร้ญาติ  แลขาดมิตร

เป็นชีวิต  ไร้สุข  ยากทุกข์เข็ญ

เห็นแก่ตัว  เกินเหตุ  สุดลำเค็ญ

ด้วยเพราะเป็น  คนแคบ  คับแค้นใจฯ"


"มีของกิน  โบราณ  ท่านสอนไว้

อยากมีกิน  เรื่อยไป  สิ้นกังขา

กำจัดเสีย  ซึ่งตระหนี่  มีเมตตา

แบ่งทั่วหน้า  มีกินใช้  ตลอดกาลฯ"

 (๑๖/๙/๖๑)

•พระธรรมรับอรุณ•

[โย ธัมมัง ปัสสะติ, โส มัง ปัสสะติ : ผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นเรา]

"หมูนกจ้อง  มองเท่าไหร่  ไม่เห็นฟ้า

ถึงฝูงปลา  ก็ไม่เห็น  น้ำเย็นใส

ใส้เดือนมอง  ไม่เห็น  ดินที่กินไป

นอนก็ไม่  มองเห็นคูถ  ที่ดูดกินฯ


ส่วนชาวโลก  ก็มอง  ไม่เห็นโลก

ต้องทุกข์โศก  ร่ำไป  เป็นนิจสิน

ส่วนชาวพุทธ  ประยุกต์ธรรม  ตามระบิล

มองเห็นสิ่ง  ทุกอย่าง  ตามจริงเอยฯ"

[พุทธทาส] (๑๗/๙/๖๑)

•พระธรรมก่อนนิทรา•

[พาโล อะปริณายะโก : คนโง่ไม่สมควรเป็นผู้นำ]

"คนโง่เขลา  เบาปัญญา  ไร้สามารถ

อย่าบังอาจ  เป็นผู้นำ  จะทำเสีย

เขาจะทำ  บาปชั่ว  จนนัวเนีย

งานจะเสีย  มิอาจโต  เพราะโง่เองฯ"


"เขายกย่อง  เพียงนิด  อย่าผยอง

อย่าลำพอง  ลืมตน  คนจะหยาม

วางตัวสม  ฐานะ  จะดูงาม

คนลือนาม  เคารพ  นบบูชาฯ"

 (๑๗/๙/๖๑)


"เป็นความรัก  ต่อลูก  ต้องผูกพัน

คอยป้องกัน ดูแล ชะแง้หา

ไม่ให้ห่าง คาดหาย หมายลูกตา

ต้องนำพา  ให้ถึงฝั่ง สมตั้งใจ...                             

เจ้ายังเด็ก  เล็กอยู่ ไม่รู้เรื่อง  

จะย่างเยื้อง  เห็นแย่ รีบแก้ไข  

 ขืนปล่อยปะ  ให้เผชิญ ทำเมินไป

 เจ้าช้างน้อย  คงไหล  ไปตามกรรม..."


•พระธรรมรับอรุณ•

[พลวฑฺฒโก ; จงเป็นผู้มีสุขภาพพลานามัยแข็งแรง]

"สักวารุ่งอรุณในวันใหม่

จงมีใจสดใสผุดผ่องศรี

มีเมตตาคุณธรรมเสริมบารมี

จะโชคดีมีชัยตลอดกาลฯ


ขอจงมีร่างกายที่อาจหาญ

การงานดีที่ทำสะอาดศรี

ปรารถนาสิ่งใดสมฤดี

ไปทุกที่มีสุขอย่าทุกข์เอยฯ"

(๑๘/๙/๖๑)


•พระธรรมรับอรุณ•

[นตฺถิ พาเล สหายตา :  ความเป็นสหายไม่มีในคนพาล]


"อันสหาย  ร่วมสุข  รือทุกข์นี้

หากว่ามี  โปรดแถลง  เป็นคำขาน

ปราชญ์ท่านชี้  ไม่มีใน  กลุ่มพาล

 เป็นตำนาน  กล่าวแท้  แน่ทุกรายฯ"

 (๑๙/๙/๖๑)

•พระธรรมรับอรุณ•

[สุโข ปุญฺญสฺส อุจฺจโย ; การสั่งสมบุญนำสุขมาให้]

"สักวา  วันดี  ศรีสมร

ขออวยพร  โชคชัย  สมบูรณ์ผล

ปรารถนา  ใดได้  ในบัดดล

ขอกุศล  บารมี  คุ้มแผ่ตนฯ


ทุกคำพร  ที่ดี  ต้องทำด้วย

จึงจะช่วย  อวยชัย  ปรารถนา

ตั้งใจเถอะ  ทำแต่ดี  เสริมบุญญา

พรจะมา  หาเอง  เฮงจริงเอยฯ"

(๒๑/๙/๖๑)

•พระธรรมรับอรุณ•

[อัตตานัง  อุปะมัง  กะเรยยะ :  เอาใจเขามาใส่ใจเรา]

เขาก็คนเราก็คนใช่ใครไหน

ทำอะไรมองเขาเทียบตัวเห็น

เขาต้องการสุขสวัสดิ์หมดลำเค็ญ

เราก็เป็นเช่นเขาคิดตรองดูฯ


เพราะฉะนั้นจงทำดีต่อกันเถิด

อย่าก่อเกิดเวรภัยจักเสียหาย

จงถนอมไมตรีทั้งใจกาย

แสนสบายมีแต่สุขทุกข์ไม่มีฯ

 (๒๒/๙/๖๑)

•พระธรรมก่อนนิทรา•
[นัตถิ  ปัญญา  สมา อาภา  : แสงสว่างเสมอด้วยปัญญาไม่มี]

พระอาทิตย์ส่องสว่างในกลางวัน

ส่วนพระจันทร์นั่นหนาคราเปล่งสี

ส่องสว่างแสงนวลยามราตรี

หาใช่มีที่เปรียบไม่ได้เลยฯ

ส่วนแสงอื่นอีกอย่างคือปัญญา

องค์สัมมาสรรเสริญรับรองสม

เมื่อรู้แจ้งเห็นจริงในตัวตน

สว่างล้นกว่าแสงอื่นหมื่นโลกาฯ

 (๒๓/๙/๖๑)

๐แสงสว่าง  อื่นอื่น  ในหมื่นหล้า

  ส่องนภา  ราตรี  สีสดใส

  แสงสุรีย์  ส่องฟ้า  นภาไกล

  แสงใดใด  เปรียบปัญญา  หาไม่มีฯ

"งานเลี้ยงสังสรรค์ นศร.รุ่น 10"

"งานเลี้ยงสังสรรค์ นศร.รุ่น 10"

-:กลอนแปดสุภาพ:-

๐ สี่สิบเจ็ด  ปีผ่านไป  ใจคิดถึง

   ครุ่นคำนึง ถึงกันอยู่ ไม่รู้หาย

   ถึงห่างกัน  ก็แต่  แค่ร่างกาย

   แต่หัวใจ  ยังคิดถึง  คนึงครวญฯ

๐ ลอยกระทง  ปีนี้  เรามีนัด

   เพราะเราจัด งานสังสรร วันลมหวล

   ยี่สิบห้า   พอ-ยอ   ขอเชิญชวน

   มาทบทวน  วันเวลา  ชราลงฯ

๐ ขอเรียนมา บอกให้ ไปเนิ่นเนิ่น

   อย่าให้เกิน เที่ยงวัน อันประสงค์

    เพราะเรามี ก๊วยเตี๋ยว ตอนเที่ยงตรง

    เจตน์จำนงค์ ให้รีบมา กลัวช้าไปฯ

๐ ที่วังยาว  ริเวอร์ไซค์  ไงล่ะเพื่อน

   ใกล้กับเขื่อน ขุนด่าน ชมธารใส

   นครนายก  แค่นี้  มิใช่ไกล

   ลอยธารไป ด้วยกระทง ลงธาราฯ

๐ พบกันนะ  วันนั้น  วันรวมเพื่อน

   อย่าแชเชื่อน มาร่วม สุขหรรษา

   มาให้มาก ไม่ต้อง เอาเงินมา

   มีศรัทรา  ก็ช่วยกัน  เท่านั้นพอฯ

10/09/2558 @ 08.35 น. ต๋อย.(คนพเนจร รุ่น.10

" กรรม กำหนด " -: โคลงสี่สุภาพ :-

" กรรม กำหนด "

-: โคลงสี่สุภาพ :-

๐ กรรมกำหนด กฎไว้            ให้รู้

   กรรมกำหนด ดั่งครู             สั่งสอน

   กรรมกำหนด ให้ดู               กรรมเก่า

   กรรมกำหนด บทย้อน          ออดอ้อนสอนคนฯ

๐ กรรมใด ใครก่อไว้              ก็ตาม

   กรรมใด ใยลุกลาม             ก่อเกิด

   กรรมใด ใครคุกคาม           ยามทุกข์

   กรรมใด ไม่บรรเจิด             เกิดแก่เจ็บตายฯ

๐ คนใด สร้างกรรมไว้             อย่างใด

   กรรมจะ เกาะกินใจ              นานเนื่อง

   กรรมดี ไม่มีใคร                  แลเห็น

   กรรมดี กรรมชั่วเยื้อง           ส่งผลแก่ตนฯ

๐ ผลกรรม ส่งผลให้                แก่คน

   ผลกรรม ติดตามตน             แน่แท้

   ผลกรรม จะคอยดล              ทุกข์สุข เรานา

   ผลกรรม ไม่เว้นแม้               เด็กแก่จนรวยฯ

   ต๋อย.(คนพเนจร)  รจนา

   ๐๗/๐๙/๒๕๖๑ @ ๑๗.๓๐ น.


" ธรรม ค้ำจุนโลก "

-: กลอนแปดสุภาพ :-

๐ พเนจร  ร่อนเร่ไป  คล้ายดั่งนก

   ดุจวิหค  ร่อนถลา  หาความฝัน

   มีปากกา  ยางลบหมึก  ผนึกกัน

   กับความฝัน  อยู่ใน  ใจของตนฯ

๐ ไปเหนือใต้  ออกตก  ทั้งบกน้ำ

   ใช้ปากถาม  ทางไป  ไม่สับสน

   ทุกแดนดิน  ถิ่นทั่ว  ไม่กลัวคน

   กับความจน เคียงกาย สหายกรรมฯ

๐ ใช้ชีวิต   ที่เหลือ   เพื่อความสุข

   จะพ้นทุกข์   ถ้าจิตใจ   ไม่ถลำ

   สร้างกุศล  ผลบุญ  เกื้อหนุนนำ

   อยู่ในธรรม  ศีลทาน  สมานใจฯ

๐ เป็นที่สุด  ของชีวิต  ถ้าคิดออก

   ใคร่ขอบอก  ทำใจ  ให้ผ่องใส

   ละความชั่ว ทำความดี ไม่มีภัย

   ไม่มีใคร ช่วยดอก นอกจากธรรมฯ

   ต๋อย. (คนพเนจร)

   ๐๙/๐๙/๒๕๖๑ @ ๑๓.๔๕ น.

" ฟ้าเดียวกัน "

" ฟ้าเดียวกัน "

-:กลอนแปดสุภาพ:-

๐ แม้ว่าเกิด   ร่วมฟ้า   นภากว้าง

   แต่ต้องร้าง  ห่างใจ  ไกลเสมอ

   เพราะชะตา  พาไป  ให้ไกลเธอ

   ได้พบเจอ  แต่กลับช้ำ  ระกำใจฯ

๐ แม้เคยรัก  ปักทรวง  เคยห่วงหา

   ต้องร้างลา  ทุกข์ตรม  ระทมไหม้

   ตะวันเดียว จันทร์เดียว เกี่ยวฤทัย

   แต่ทำไม   หัวใจ   ต้องไกลกันฯ

๐ เกิดร่วมฟ้า เดียวกัน จันทร์ดวงหนึ่ง

   เหตุใดจึง   มิได้ชม   ภิรมย์สันต์

   ได้แต่ปอง   ครองเงา   เฝ้ารำพัน

   ฤาสวรรค์    กันไว้    ไม่ให้ชมฯ

๐ พี่รักน้อง   ปองนุช   สุดแสนเศร้า

   เห็นแต่เงา  ชมแต่รูป  จูบไม่สม

   พรหมลิขิต  ขีดไว้  ให้ตรอมตรม

   พี่ระทม   ตรมใจ   เพราะไกลเธอฯ

   ต๋อย.(คนพเนจร)

   ๐๕/๐๙/๒๕๖๑ @ ๑๙.๐๙ น.


"ในฝัน"(IN DREAM)

-:กลอนแปดสุภาพ:-

๐ในฝันนี้   มีเธอ   ละเมอถึง

  ในฝันนี้  พี่รำพึง  คนึงหา

  ในฝันนี้  มีเธอชิด  ติดอุรา

  ในฝันนี้  มียุพา  ยอดยาใจฯ

๐แต่ก็เป็น  แค่ฝัน  ที่ฉันเพ้อ

  แต่ก็เป็น แค่ละเมอ ที่ฝันใฝ่

  แต่ก็เป็น  แค่ความคิด ในหทัย

  แต่ก็เป็น  แค่หัวใจ  ใฝ่ถึงกันฯ

๐มันเป็นแค่ ความใน เพราะไกลห่าง

  มันเป็นแค่ ความอ้างว้าง ในใจฉัน

  มันเป็นแค่   ลมพริ้ว   ผ่านตะวัน

  มันเป็นแค่ แสงจันทร์ส่อง ท้องนภาฯ

๐ลืมเสียเถิด  ความฝัน  อันบรรเจิด

  ลืมเสียเถิด  ความฝัน  ที่ฝันหา

  ลืมเสียเถิด  ความฝัน  ที่จินตนา

  ลืมเสียเถิด  จงนิทรา  อย่าอาวรณ์ฯ

ต๋อย. 06/09/2557 @ 17.17 น.


"ฉันยังอยู่"

-:กลอนแปดสุภาพ:-

🌷ฉันยังอยู่  ตรงนี้  ใช่หนีหาย

     ใช่กลับกลาย ห่างเห สเน่หา

     ยังคิดถึง  เธออยู่  ทุกเวลา

     ถึงจากมา ห่างไกล ใจคนึงฯ

🌹จากคิมหันต์ ผ่านพ้น จนวสันต์

     เธอลืมฉัน  หรือไร  ไม่นึกถึง

     พี่ห่างหาย จากมา ยังตราตรึง

     ยังรำพึง  ถึงอยู่  ไม่รู้คลายฯ

🌻ยามฝนหลั่ง  สั่งฟ้า  นภาฉ่ำ

     เมฆก็ดำ  มืดมิด  สนิทหาย

     แต่รักพี่  คนนี้  ไม่กลับกลาย

     ไม่สลาย  หันเห  เช่นเมฆาฯ

🌺วันเวลา  ผ่านไป  ใจไม่เปลี่ยน

     ไม่หมุนเวียน เปลี่ยนไป ยังใฝ่หา

     ลืมคำกลอน หมดแล้ว หรือแก้วตา

     แม่ยุพา   คนดี   อย่ามีใครฯ

07/09/56 @17.17 น. พี่ต๋อย.

"ชีวิต มันก็แค่นั้น"

"ชีวิต มันก็แค่นั้น"

-:กลอนแปดสุภาพ:-

๐ มองเห็นนก เกาะไม้ แล้วคลายทุกข์

   มีความสุข   ในใจ   หาใดเหมือน

   แหงนมองฟ้า เห็นดาว ล้อมดวงเดือน

   ดาวเป็นเพื่อน เดือนอยู่ คู่เคลียคลอฯ

๐ นกรักฟ้า  นภากว้าง  ทางชีวิต

   ใครลิขิต   เอาไว้   กระไรหนอ

   นกมีฟ้า   เอาไว้   ให้พนอ

   ไม่ต้องรอ เหมือนปลา รอวารีฯ

๐ สิ่งบางสิ่ง กำหนดไว้ ให้มีคู่

   ได้เชิดชู  โลกเรา  ให้สุขศรี

   แต่บางคน ต้องเหงา เศร้าฤดี

   เพราะไม่มี คู่ครอง ประคองกายฯ

๐ มองเห็นดาว สกาวเกลื่อน แล้วเลือนลับ

   จันทราจับ   ขอบนภา   ดาราฉาย

   ดุจชีวิต   เกิด-แก่   แล้วเจ็บ-ตาย

   ชีพวางวาย  สลายลับ  แล้วดับลงฯ

   ต๋อย.(คนพเนจร)

   ๐๓/๐๙/๒๕๖๑ @ ๑๘.๓๐ น.

ทะเลยามไร้คลื่น!

ทะเลยามไร้คลื่น!

-:กลอนแปดสุภาพ:-

๐ทะเลเรียบ เงียบไป ยามไร้คลื่น

สุดจะฝืน  มองไป  อาลัยหา

เหลือไว้แต่  สายลม  ชมนาวา

สกุณา  บินลับ กลับรวงรังฯ

๐เหตุไฉน  จากไป  จนไกลลับ

ไม่หวนกลับ กลับหวล ทวนความหลัง

คลื่นจากไป  ทิ้งฝั่งไว้  เพียงลำพัง

ทะเลยัง  เฝ้าคอย  แม่กลอยใจฯ

๐เคยซัดซาด ขาดเสียง สำเนียงคลื่น

ทุกวันคืน   ชวนชิด   พิสมัย

ระรอกแล้ว ระรอกเล่า เข้าฝั่งไป

เจ้ามาไกล  ทิ้งไป  ใจระทมฯ

๐เปรียบทะเล ยามเย็น เช่นตัวพี่

ไร้คนดี  ยอดยุพา  มาสู่สม

เธอจากไป ไกลลับ กับสายลม

พี่ขื่นขม  ไร้เพื่อน  เหมือนทะเลฯ

6/5/56 @18.56 น.

ต๋อย.(คนพเนจร)

"อยู่เพื่อคอยเธอ"

คนพเนจร

Travelin' Man

"อยู่เพื่อคอยเธอ"

๛กลอนแปดสุภาพ๛

๏ฉันยังคอย คอยอยู่ รู้หรือเปล่า

   ฉันยังเฝ้า  คิดถึง  คนึงหา

   ฉันยังรอ รอเธออยู่ ทุกเวลา

   ฉันฝันหา หลงรูป เฝ้าจูบลมฯ

๏แม้วันเดือน เคลื่อนคล้อย แล้วลอยจาก

   ปีมาพราก   เธอไป   ใจชื่นขม

   ต่อแต่นี้   จะมีใคร   ให้ชื่นชม

   คงระทม  ตรมเศร้า  เหงาอยู่เดียวฯ

๏เหมือนภูผา สูงเสียด เบียดพื้นฟ้า

   ไร้พฤกษา ครอบคลุม ชอุ่มเขียว

   เห็นยอดข้าว งามแท้ แต่ไร้เคียว

   แล้วจะเกี่ยว กำได้ อย่างไรกันฯ

๏ยามฝนตก ฉ่ำพื้น ฟื้นท้องทุ่ง

   อรุณรุ่ง  สกุณา  พาสุขสันต์

   แต่ตัวเรา โศกเศร้า เฝ้าจาบัลย์

   มีแต่ฉัน  ไม่มีเธอ  จึงเพ้อครวญฯ

1/09/2559 @ 07.35 น. ต๋อย.

อยู่เพื่อคอยเธอ

"ธรรมานุสติ"

"ธรรมานุสติ"

-:กลอนแปดสุภาพ:-

๐ คติธรรม    นำจิต    สถิตไว้

   หากถ้าใจ ไม่สอนใจ ใครจะสอน

   ปฏิบัติธรรม  มั่นไว้  ใจสังวรณ์

   จะนั่งนอน  มีธรรม  ประจำใจฯ

๐ ยึดพุทธัง   สะระณัง   คัชฉามิ

   มีสติ   ระลึกไว้   ให้ผ่องใส

   ยึดธรรมะ ปฏิบัติ คู่เคียงไป

   ตั้งหทัย   ตั้งจิต   คิดทำดีฯ

๐ อันความชั่ว ทั้งหลาย อย่ากรายกล่ำ

   อย่าถลำ   ชั่วชม   ตรมวิถี

   อบายมุข  คือสุรา  และนารี

   จงหลีกลี้  หนีห่าง  จงร้างลาฯ

๐ ทำจิตใจ  บริสุทธิ์  ผุดผ่องแผ้ว

   ดุจดังแก้ว  บริสุทธิ์  สุดสรรหา

   อย่าลุ่มหลง ในตัณหา  และกามา

   สิ้นชีวา  จะผ่องผุด  หลุดพ้นกรรมฯ

   ต๋อย.(คนพเนจร)

   ๒๙/๐๘/๒๕๖๑ @ ๑๗.๐๐ น.

-:กลอนแปดสุภาพ:-

๐ คติธรรม    นำจิต    สถิตไว้

   หากถ้าใจ ไม่สอนใจ ใครจะสอน

   ปฏิบัติธรรม  มั่นไว้  ใจสังวรณ์

   จะนั่งนอน  มีธรรม  ประจำใจฯ

๐ ยึดพุทธัง   สะระณัง   คัชฉามิ

   มีสติ   ระลึกไว้   ให้ผ่องใส

   ยึดธรรมะ ปฏิบัติ คู่เคียงไป

   ตั้งหทัย   ตั้งจิต   คิดทำดีฯ

๐ อันความชั่ว ทั้งหลาย อย่ากรายกล่ำ

   อย่าถลำ   ชั่วชม   ตรมวิถี

   อบายมุข  คือสุรา  และนารี

   จงหลีกลี้  หนีห่าง  จงร้างลาฯ

๐ ทำจิตใจ  บริสุทธิ์  ผุดผ่องแผ้ว

   ดุจดังแก้ว  บริสุทธิ์  สุดสรรหา

   อย่าลุ่มหลง ในตัณหา  และกามา

   สิ้นชีวา  จะผ่องผุด  หลุดพ้นกรรมฯ

   ต๋อย.(คนพเนจร)

   ๒๙/๐๘/๒๕๖๑ @ ๑๗.๐๐ น.


"บัวบาน มุดโผล่พ้น   ชลธี

 ดุจดั่ง คนที่มี    สติมั่น

 บัวตูม ก็ยังดี     เสมอน้ำ

 บัวใต้น้ำ สติสั้น บ่รู้รสธรรมฯ

 คนพเนจร ๑๓/๐๙/๖๑
@ ๐๗.๒๗ น.
 

"ลาสาวฝั่งโขง"

https://youtu.be/vDFz9vRzm8I

"ลาสาวฝั่งโขง"

-:โคลงสี่สุภาพ:-

~เชียงแสนแดนดินนี้     งามเหลือ

  ฟากฝั่งยังมีเรือ            ผ่านเข้า

  ไทยลาวได้จุนเจือ        ยังชีพ

  กั้นไว้แค่โขงเจ้า           มิอาจกั้นใจฯ

*ฝั่งโขงกั้นพี่ไว้              ไกลนวล

  สองเราต้องรัญจวน      ครวญคร่ำ

  น้ำเชี่ยวเกินพี่ทวน        ไปหา

  ฝั่งโขงทำพี่ช้ำ              จำพรากจากกันฯ

๐ไทย-ลาวโขงกั้นไว้       กึ่งกลาง

  อยากไปหลวงพระบาง  หาเจ้า

  เหม่อมองไม่เห็นนาง     น้องพี่

  หักใจที่รุมเร้า                โขงเจ้ากว้างไกลฯ

+จำใจจำจากเจ้า             จำจร

  แรมร้างรักรารอน           ร้อนรุ่ม

  เพียงพิศพึ่งพาพร            เพียรพราก

  ชมชิดชมชื่นชุ้ม                ชื่นช้ำชมเชยฯ

ต๋อย.(คนพเนจร) รจนา...

๒๗/๐๘/๒๕๖๐ @ ๑๑.๓๐ น.


"ลาแล้วลำปาง"
(มนต์รักเกาะคา)

-:กลอนแปดสุภาพ:-

🌻โอ้ลำปาง ปางเคียง เวียงวังเหนือ

     ช่างงามเหลือ เพียงพิศ ชิดสมร

     มีนามเดิม ว่าเขลางค์ ปางนคร

     เมืองอมร รอนรัก ประจักษ์ใจฯ

🌹 สาวแสนงาม ชวนชม ภิรมย์รื่น

     ทุกนางชื่น  ชวนชิด  พิสมัย

     พี่เคยรัก  ปักจิต  มิคิดไกล

     ตั้งหทัย จะเคียงอยู่ คู่เกาะคาฯ

🌷 โอ้เกาะเอ๋ย เหตุใด ใยต้องจาก

     ใยต้องพราก จากเธอ เคยเพ้อหา

     โอ้ปางเอ๋ย พี่เคยรัก ปักอุรา

     ต้องจากมา จากนาง ปรางค์เนื้อนวลฯ

💐 ขอลาแล้ว เกาะคา น้ำตาหลั่ง

     สิ้นความหวัง กำหนดจิต ไม่คิดหวล

     ลาแล้วหนา   ทรามวัย  ใจเรรวน

     ลาเนื้อนวล ลาเกาะคา ลาลำปางฯ

     ๓๐/๐๘/๒๕๖๐ @ ๑๒.๓๐น.

     ต๋อย.(คนพเนจร) รจนา.....

"ชีวิตที่เลือกได้"

"ชื่อเสียง กับ ตัวเอง อย่างไหนน่าหวงแหนมากกว่ากัน
ตัวเอง กับ ทรัพย์สมบัติ อย่างไหนมีค่ามากกว่ากัน
รักษาชีวิตไว้ได้ แต่สูญเสียทุกสิ่ง
รักษาทุกสิ่งไว้ได้ แต่สูญเสียชีวิต  อย่างไหนน่าเศร้า
และเจ็บปวดมากกว่ากัน
    ผู้ที่รู้จักพอ จะไม่พบความอัปยศ
    ผู้ที่รู้จักหยุดในเวลาเหมาะสม จะไม่ตกอยู่ในภยันตราย!

27/08/2557 ต๋อย.


"ชีวิตที่เลือกได้"

-:กลอนแปดสุภาพ:-

๐ ชีวิตคน  เกิดมา  ใฝ่หาสุข
  
   กลับต้องทุกข์ เพราะใจ ที่ใฝ่หา

   อยากได้โน่น อยากเป็นนี่ ทุกเวลา

   เพราะตัณหา  ของจิต  ที่คิดไปฯ

๐ สะสมทรัพย์ ศฤงคาร ไว้บานเบอะ

   มีเงินเยอะ   ซ่อนไว้   อยู่ในไห

   ปลูกสร้างบ้าน ใหญ่โต โอฬารใจ

   พอกายไป เหลือแต่กรรม ที่ทำมาฯ

๐ ถ้าทำดี  ก็เป็นบุญ  ทุนชีวิต

   กรรมลิขิต ติดไป ในชาติหน้า

   ถ้าทำชั่ว ก็เป็นบาป อาบกายา

   ต้องนำพา   ติดไป   อบายภูมิฯ

๐ คิดสักนิด  ก่อนทำ  จงจำไว้

   กรรมไม่หาย สลายลับ ตอนดับสูญ

   ละกรรมชั่ว  ทำสิ่งดี  ทวีคูณ

   จะเกื้อกูล  พูนเพิ่ม  เสริมชีวาฯ

   ต๋อย.(คนพเนจร)

   ๒๗/๐๘/๒๕๖๑ @ ๑๗.๐๐ น.

"กระต่ายหมายจันทร์"

"กระต่ายหมายจันทร์"

-:กลอนแปดสุภาพ"

๐โอ้ความรัก ปักใจ อาลัยหา

   แม่ยุพา   คนดี   ศรีสมร

   เคยเคล้าคู่ สู่สม ชมบังอร

   มาจากจร จรจาก มาพรากกันฯ

๐โอ้ฟ้าเอ๋ย    เคยอยู่    คู่กับพี่

   แต่ฟ้านี้ มาจากไกล ใจโศกศัลย์

   ทิ้งดินไว้ ให้โศกเศร้า  เฝ้าจาบัลย์

   เหมือนเพ็ญจันทร์ จากฟ้า ลาลับไปฯ

๐รู้บ้างไหม  ว่าใจ  ใครคอยอยู่

  คอยเฝ้าดู ดวงจันทร์ อันผ่องใส

  ทั้งที่รู้   จันทร   จรจากไกล

  คล้ายกระต่าย หมายจันทร์ คืนวันเพ็ญฯ

๐ทิฆัมพร   จรมา   เวลาค่ำ

  กระต่ายต่ำ ฉ่ำใจ เมื่อได้เห็น

  ทั้งชาตินี้ ชาติไหน ใคร่อยากเป็น

  คู่เนื้อเย็น   สมสุข   ทุกขาติเอยฯ

แต่งเมื่อ 05/04/2556  ต๋อย.

"ระวัง..เกษียณแล้วจะทุกข์"

"ระวัง..เกษียณแล้วจะทุกข์"

-:กลอนแปดสุภาพ:-

๐งามจริงจริง น้ำนิ่ง ไหลเอื่อยอิ่ง

      เซาะตลิ่ง อิงเอื่อย เรื่อยเรื่อยไหล

          พัดพาจิต  ให้คิด  เรื่อยเรื่อยไป

               พัดพาใจ   ไหลไป   ในวารีฯ

๐ในท้องถิ่น   ธารา   มัจฉาอยู่

       เมื่อแลดู   เห็นเจ้า   มีสุขศรี

            โลดแล่นลิ่ว โลดล่อง ท้องนที

                 ทุกนาที   มีสุข   อยู่ทุกวันฯ

๐แต่ใจคน ที่มอง กลับหมองเศร้า

      ใจคนเรา เฝ้าหา ความสุขสันต์

           อยากมั่งมี เงินทอง มากองกัน

                บ้างก็ฝัน สดสวย รวยเงินทองฯ

๐ไม่เคยคิด ถึงกรรม เคยทำไว้

      ครั้งเมื่อใน อดีต ขีดให้หมอง

           ไม่ทำบุญ ให้ทาน พาลหวังปอง

                แล้วจะมอง เห็นสุขได้ อย่างไรเอยฯ

รจนาไว้เมื่อ 27/03/2556  ต๋อย.

"Gone with the wind"

"Gone with the wind"

-:กลอนแปดสุภาพ:-

๐ลมทะเล  เพ้อหวน  รัญจวนคิด

  ลมชีวิต   เพ้อหวน   รัญจวนหา

  ลมความรัก  ร้อนรุ่ม  กลุ้มอุรา

  ลมชะตา   เราสอง   ไม่ต้องกันฯ

๐ลมพระพาย โชยพัด  สบัดพริ้ว

  ลมพัดปลิว  หัวใจ  ไกลจากฝัน

  ลมเคยรื่น   ชื่นใจ   ไล้ตะวัน

  ลมลืมฉัน   หรือไร   ทิ้งให้ตรมฯ

๐อยากบอกว่า คิดถึง ตรึงดวงจิต

  อยากบอกว่า  ชีวิต  ไม่สุขสม

  อยากฝากใจ  พี่ไป  กับสายลม

  อยากชื่นชม  สมสู่  เป็นคู่ครองฯ

๐แต่ความจริง  ชีวิต  มันไม่ใช่

  ทั้งที่ใจ  อยากอยู่  เป็นคู่สอง

  ความคิดเห็น ต่างใจ เกินใฝ่ปอง

  ได้แต่มอง  ครองอยู่  ดูแต่เงาฯ

24/08/2557 @ 10.27 น. ต๋อย .


"My Love Is Gone From Me"

-:กลอนแปดสุภาพ:-

๐ อันความฝัน คนฝัน จะสรรค์สร้าง
  
   จะแรมร้าง   อย่างไร  ใครไม่เห็น

   กระแสน้ำ   ไหลวน   จนเช้าเย็น

   มันก็เป็น   เพราะลม   ชมทะเลฯ

๐ ดังพระพาย พัดหาย ไม่กลายกลับ

   ตะวันดับ   ลับไกล   ใจหันเห

   ดุจความรัก  จากไป  ใจรวนเร

   ทิ้งทะเล  ทิ้งฉันอยู่  ดูสายชลฯ

๐ ลมเอ๋ยลม   ลมรัก   เคยปักอก

   ลมโผผก  หกหาย  กลายเป็นฝน

   คิมหันต์เปลี่ยน  วสันต์มา  ลายุคล

   ได้ยินยล  เพียงแค่เงา  เหงาหัวใจฯ

๐ โอ้ความรัก มาพราก จากใจฉัน

   รักแปรผัน  ฝันเพ้อ  เธออยู่ไหน

   อยู่บนดิน หรือบนฟ้า นภาไกล

   เพราะเหตุใด  ใยรัก  มักจากจรฯ

   ต๋อย.(คนพเนจร)

   ๒๕/๐๘/๒๕๖๑ @ ๑๖.๐๐ น.


"YOU GOT A FRIENDS"

-:กลอนแปดสุภาพ:-

๏ สุขอันใด ไหนเท่า เรามีเพื่อน

   คอยย้ำเตือน ว่าคิดถึง คนึงหา

   อยู่ห่างไกล แต่เพียง วันเวลา

   เป็นเพราะว่า หน้าที่ ใช่หนีไกลฯ

๏ คำโบราณ สอนไว้ ว่าไร้เพื่อน

   ดุจดังเดือน  ไร้ดาว  สกาวใส

   เราก็จิต   คิดดูเล่า   เขาก็ใจ

   มีเพื่อนไว้  ไปมา   หาสู่กันฯ

๏ อันเพื่อนกิน   ไม่ดี    นั้นมีมาก

   ยามตกยาก จากไกล ไปจากฉัน

   ปล่อยให้เพื่อน โศกเศร้า เฝ้าจาบัลย์

   เพื่อนเหหัน  จากไกล  ยามไร้เงินฯ

๏ มีเพื่อนดี  เพียงน้อย  ร้อยดวงจิต

   ดีกว่ามิตร  เยินยอ  คลอสรรเสริญ

   มีเพื่อนแท้   ไม่มุสา   พาเจริญ

   จูงมือเดิน พาให้รอด ยอดของfriendฯ

 
04/09/2558 @ 17.03 น. ต๋อย.

"กาญจนบุรี-กทม."

"กาญจนบุรี-กทม."

-:กลอนแปดสุภาพ:-

๐จากเมืองกาญจน์ บ้านโป่ง โล่งตลอด

  ใจยังฮอด   รำพึง   คนึงหา

   ไว้ปีหน้า  ฟ้าใหม่  คงได้มา

   เล่นธารา   ปีนภู   ดูลำธารฯ

๐ถึงปฐม   เจดีย์   คิรีมาศ

   ดาระดาด เสียดฟ้า เวหาหาร

   พนมมือ  ยอกร  นมัสการ

   ให้พ้นพาล พ้นทุกข์ เป็นสุขใจฯ

๐ผ่านนคร   ชัยศรี   ฤดีเศร้า

  ไม่เห็นสาว ดั่งเพลง ยิ่งสงสัย

  มีส้มโอ  ตั้งเรียง  เคียงกันไป

  ต้องลาไกล หมองฤดี ไม่มีนางฯ

๐ศาลายา  ยาใจ  มาไกลพี่

  โอ้วันนี้  เหตุใด  มาไกลห่าง

  พี่แลหา  นางน้อง  มองตามทาง

  ไม่เห็นนาง ไม่เห็นนวล ชวนเศร้าใจฯ

๐จนเลี้ยวเข้า   รัตนา   ธิเบศร์

  เยาว์เรศ   คนดี   เจ้าไปไหน

  ข้ามสพาน พระนั่งเกล้า ขับตรงไป

  ผ่านแคราย ประชาชื่น ค่อยรื่นรมย์ฯ

๐ถึงอุโมงค์ แยกเกษตร แล้วเกศแก้ว

  ขอให้แคล้ว   รถรา   อย่าสะสม

  ถึงบ้านพัก  ผ่อนอุรา  อย่าได้ตรม

  อยากฝากลม บอกทัก ว่ารักเธอฯ

  ต๋อย.(คนพเนจร)

  ๒๓/๐๘/๖๑ @ ๑๘.๓๐ น.


  "สบายเฮ้าส์ รีสอร์ท อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี

๐สบายเฮ้าส์ อยู่เมืองกาญ สถานถิ่น
  
   ดุจบุรินทร์  เมืองแมน  แดนสวรรค์

   อยู่อำเภอ  ท่าม่วง  ห่วงสัมพันธ์

   หฤหรรษ์  ห้องพักดี  ศรีเมืองกาญจน์

๐สถานที่   โอ่อ่า   สง่าเผย

   ชวนชิดเชย  มีความสุข สนุกสนาน

   จะพักเดี่ยว  หรือคู่  ดูสำราญ

   บริการ   แสนดี   มีกาแฟฯ

๐อีกราคา   ก็ถูก   ผูกใจรัก

   ซึ้งสลัก  ยามเย็น  เห็นดวงแข

   มีสวนหย่อม ชมจิต ชิดดวงแด

   เชิญมาแล  มาพัก  จะปักใจฯ

๐สบายเฮ้าส์  เร้าจิต  ยังคิดถึง

   ยังคนึง  ถึงท่านอยู่  รู้หรือไม่

   ถึงท่าเรือ  ก็ขับ  เข้าสายใน

   ซอยอยู่ใกล้ เอสซีจี แค่นี้เองฯ

๐ขับตามทาง เข้ามา หาไม่ยาก

   ไม่ลำบาก  ราคา  ไม่ข่มเหง

   อยู่ขวามือ  เลี้ยวมา  อย่ากลัวเกรง

   เป็นกันเอง รีสอร์ทดี ศรีเมืองกาญจน์

   ต๋อย.(คนพเนจร)

   ๒๒/๐๘/๖๑ @ ๑๕.๔๕ น.


"ลาก่อน ชุมพร"

"จำใจ จำจากเจ้า จำจร

จากชุมพร อาวรณ์ เมื่อตอนเช้า

สู่ประจวบ คิรีขันธ์ เส้นทางยาว

ผ่านหาดเจ้า เมืองเพชร ชะบุรี

ถึงปากท่อ ไม่เห็นท่อ ต้องท้อจิต

ใครช่างคิด ชื่อไว้ ให้สุขศรี

ผ่านนาเกลือ มองหาสาว ก็ไม่มี

หรือคนดี หนีไป ไกลบ้านนา"

25/08/55 @ 09.00 น.ต๋อยครับ

"เทียนสิ้นแสง"

"เทียนสิ้นแสง"

-:กลอนแปดสุภาพ:-

🤔ชีวิตคน ดุจดั่งเทียน ที่เวียนจุด

    จะสิ้นสุด  เมื่อดับ  อับลำแสง

    เหมือนเปลวเทียน สั้นหด หมดลำแรง

    เหลือสีแดง แขวงไว้ ที่ปลายมันฯ

😥ไม่ช้านาน เทียนต้องดับ ลับไปแน่

    เช่นคนแก่ เจ็บตาย สลายฝัน

    ยังไม่ดับ  แสงยังมี  ทำดีกัน

    อย่าผลัดวัน ฝันเฟื่อง เรื่องอบายฯ

😓ได้เกิดมา เป็นมนุษย์ สุดประเสริฐ

    แสนบรรเจิด บวชเรียน เพียรขนขวาย

    พวกเงินทอง ของไม่จริง สิ่งนอกกาย

    ยามวางวาย เหลือแต่เถ้า ตอนเข้าเมรุฯ

😭เทียนจวนหมด ลำแรง แสงก็น้อย

    ดังหิ่งห้อย ริมคลอง พอมองเห็น

    จะไปดี หรือทราม ตามกฎเกณฑ์

    ก็เพราะเวร หรือกรรม ที่ทำมาฯ

๒๒/๐๘/๒๕๖๐ @ ๑๑.๕๐ น.
ต๋อย.(คนพเนจร) รจนา....



"คุณค่า"

-:กลอนแปดสุภาพ:-

๐อันแสงเทียน  มีค่า  เวลามืด

     แกงที่จืด  เกลือมีค่า  มหาศาล

         หนูกัดเสื้อ แมวมีค่า เหลือประมาณ

               อักษรสาส์น   มีค่า   ภาษาใจฯ

๐อันบ้านเรือน  มีค่า  เวลาอยู่

      ดุจเช่นครู  มีค่า  พาศิษย์ใส

          ความคิดถึง มีค่า เวลาไกล

              ดังจิตใจ บอกคุณค่า ราคาคนฯ

๐คนจะงาม งามที่ใจ มิใช่หรือ

      อย่ายึดถือ หน้าตา พาสับสน

          หน้าตาดี   มีค่า   เวลายล

               แต่ใจตน ไม่งาม ตามหน้าตาฯ

๐อันเพื่อนตาย ดูง่าย ยามกายทุกข์

      ไม่สนุก   ไม่สุขใจ   ไม่หรรษา

           แต่เพื่อนกิน มากมาย ข้างกายา

               นี่แหละหนา คุณค่า หน้าตาคนฯ

22/08/2557 @ 15.37 น. ต๋อย.

"ผาช่อ" อุทธยานแห่งชาติแม่วาง จ.เชียงใหม่

"ผาช่อ" อุทธยานแห่งชาติแม่วาง จ.เชียงใหม่

-:กลอนแปดสุภาพ:-

๐โอ้ผาช่อ  ย่อผา  ศิลาอาสน์

      ดังภาพวาด ผาภู ดูเหมาะสม

          สูงตระหง่าน งามสลับ รับสายลม

               ให้ชื่นชม   ชมอยู่   คู่ตะวันฯ

๐เป็นชั้นเชิง แข็งแรง กำแพงหิน

      ดุจบุรินทร์  ของเทพ  บนสวรรค์

           บรรจงสร้าง  สรรไว้  ให้ใครกัน

                โอ้เชิงชั้น   ชมเพลิน   เจริญตาฯ

๐อุทธยาน  แห่งชาติ  แม่วางเอ๋ย

      ไม่นึกเลย  คิดว่ามี  แต่พฤกษา

           ได้มาพบ   สบแล้ว   ชื่นอุรา

                ใครได้มา ยากจะลืม ด่ำดื่มใจฯ

๐งามเหลือเกิน เพลินพิศ จิตประหวั่น

      ดังความฝัน   หรือจริงแท้   แน่ไฉน

           เห็นในรูป ไม่อยากเชื่อ เมืองเหนือไทย

                ช่างไฉไล   งามแต๊แต๊   โอ้แม่วางฯ

20/08/2557 @ 11.37 น. ต๋อย.