Thursday, August 30, 2012

ยุทธวิธีการบริหาร จาก 8 กรณีศึกษา

(จับเรื่องราวบนโลกไซเบอร์มาเล่าต่อกันฟัง)

1.   จาง เซีย เหลียง ถือเป็นจอมพลในรัฐบาลเจียงไคเช๊ค ได้เปิดเผยเรื่องราวในชีวิตว่ามีผู้หญิงมาติดพันอยู่ 11 คน มีชู้อยู่คนหนึ่งแซ่จ้าว นางคนนี้สมสู่ติดพันกันตั่งแต่นางอายุ 16 ปี ว่ากันว่าถ้าคบกัน 1 ปี ถือว่าเป็นชู้ 3 ปีถือว่าเป็นกิ๊ก แต่นี่อยู่กันตั้ง 60 ปี จางเซียเหลียง มีอายุยืนถึง 100 ปี จึงกลายเป็นความรักอมตะ นิทานเรื่องนี้ให้แนวคิดว่า เรื่องหลายเรื่องไม่ได้ดูที่ทำหรือไม่ทำ แต่ดูที่ว่าท่านทำนานแค่ไหน

2.   ในต้นยุคสาธารณะรัฐประชาชนจีน มีโสเภณีเด่นอยู่นางหนึ่ง ทั้งรูปสวยและมีความรู้มากมายมีชื่อว่าหงษ์น้อย ในยุคนั้นถ้านางพัวพันกับชาวนาหรือกรรมกรก็คงถูกกวาดล้างอย่างไม่ไว้หน้า แต่นางเป็นชู้กับนายพลไช่เอ๋อ เลยมีชื่อจารีกไวในประวัติศาสตร์ ถ้าหากนางคบกับประธานาธิบดีก็คงจะได้เป็น First Lady นิทานเรื่องนี้ให้แนวคิดว่า คุณจะทำอะไรไม่สำคัญ สำคัญว่าคุณทำกับใคร

3.   เกิดไฟไหม้ที่โรงอาบน้ำหญิง หญิงเปลือยกายล่อนจ้อนวิ่งหนีตายออกบนท้องถนน ตาแก่คนหนึ่ีงร้องตะโกนฮาป่า บรรดาหญิงเปลือยนึกขึ้นได้ต่างพยายามเอามือปกปิด แต่จุดล่อแหลมมีอยู่หลายจุด จึงต่างจ้าละหวั่นทำอะไรไม่ถูก สุดท้ายตาแก่ตะโกนบอกปิดหน้าซิโว้ยก็เพราะข้างล่างมันเหมือนกันหมด นิทานเรื่องนี้ให้แนวความคิดว่า ในความฉุกเฉินไม่อาจทำอะไรได้รอบคอบทั้งหมด จับจุดสำคัญก็พอ

4.   สาวใหญ่แจ้งความกับตำรวจ ดิฉันเสียบกระเป๋าสตางค์ไว้ในยกทรงเบียดเสียดอยู่ในรถไฟใต้ดินจนถูกหนุ่มหล่อสูงวัยล้วงกระเป๋าไป ตำรวจขมวดคิ้วว่าล้วงในจุดล่อแหลมขนาดนี้คุณไม่รู้สึกตัวเลยหรือ สาวใหญ่ตอบเหนียมว่า ก็ไม่นึกว่าเค้าตั้งใจจะล้วงกระเป๋า นิทานเรื่องนี้ให้แนวคิดว่า การทำให้ลุกค้าตกอยู่ในภาวะเคลิบเคลิ้มพอใจที่จะถูกรีดเงิน เป็นชั้นเชิงสูงสุดทางธุรกิจ

5.   บริษัทติดข้อความหน้าโถปัสสาวะ ก้าวออกมาอีกนิดใกล้ชิดอารยะธรรมแต่พื้นก็ไม่วายมีฉี่เรี่ยราดเปียกแฉะอยู่ตลอด บริษัทศึกษาบทเรียนอย่างจริงจังแล้วปรับแผนใหม่ดังนี้ ฉี่ไม่ตรงเป้าแสดงวาของคุณอ่อน ฉี่เล็ดออกมาก่อนแสดงว่าของคุณสั้นผลปรากฎว่าพื้นสะอาดขึ้นกว่าเดิมมากมาย นิทานเรื่องนี้ให้แนวความคิดว่าการให้คำแนะนำกับลูกค้าต้องเป็นรูปธรรมและแทงถูกใจดำ

6.   วันหนึ่งเลขานุการสาวตีหน้าขึงขังกับผู้จัดการบอกว่า ดิฉันตั้งท้อง ผู้จัดการได้ยินดังนั้นยังคงก้มหน้าอ่านเอกสารแล้วตีหน้าตายแล้วพูดว่าผมทำหมันตั้งนานแล้ว ตั้งแต่ลูกชายเกิด เลขานุการได้ยินดังนั้นก็หน้าซีดตกตะลีงอยู่พักใหญ่ แล้วตีหน้ายิ้มขี้นมาพูดว่า ดิฉันพูดเล่นค่ะ ผู้จัดการเงยหน้าขึ้นมาแล้วบอกว่า ผมก็เหมือนกัน แล้วก้มหน้าจิบน้ำชาอ่านเอกสารต่อ นิทานเรื่องนี้ให้แนวคิดว่า คนที่อยู่ในสังเวียนต้องไม่ตระหนกตกใจง่ายเมื่อเจอกับภาวะวิกฤต แม้มีปืนเล็งมาก็ตั้งตัวรับได้

7.   สามชายหนุ่มไปขอลูกสาวในคราวเดียวกัน ว่าที่พ่อตาบอกให้แต่ละคนแนะนำตัว คนแรกบอกว่าผมมีเงิน 10 ล้าน คนที่สองบอกว่าผมมีคฤหาสมูลค่า 20 ล้าน ว่าที่พ่อตาฟังแล้วรู้สึกพอใจมาก เลยถามหนุ่นคนที่สามแล้วคุณล่ะมีอะไร ผมไม่มีอะไรมีแต่ลูกที่อยู่ในท้องลุกสาวคุณ หนุ่มคนแรกกับคนที่สองได้ยินแล้วรีบลาจาก  นิทานเรื่องนี้ให้แนวคิดว่า อำนาจการแข่งขันไม่ได้อยู่ที่กำลังทรัพย์แต่อยู่ที่การจัดการวางคนของเราในตำแหน่งที่สำคัญ

8.   เถ้าแก่เบื่อเมียลับเต็มทน เมียลับเริ่มแก่ตัวจึงของเงินค่าเลี้ยงดูเป็นก้อนใหญ่ เถ้าแก่คิดจะฆ่าปิดปากแต่ ผู้จัดการคนสนิทออกอุบายให้เถ้าแก่ออกเงินหนึ่งแสนหยวนให้เมียลับไปเรียน MBA โดยให้เหตุผลว่าเพื่อยกระดับการศึกษา เมื่อเมียลับได้ไปเรียนต่อในห้องเรียนMBA  มีแต่นักศึกษาระดับเถ้าแก่ ซึ่งต่างหลงไหลในนักศึกษาเมียลับคนนี้ ไม่ช้าไม่นานเมียลับก็ไม่ขออยู่กับเถ้าแก่ แถมยังให้เงินหนึ่งล้านหยวนแก่ผู้จัดการเป็นค่าปิดปาก นิทานเรื่องนี้ให้แนวความคิดว่า การจัดการทรัพย์สินด้อยคุณภาพของธุรกิจ วิธีที่ดีที่สุดคือย้อมแม้วตกแต่งแล้วแปลงค่าทรัพย์สินให้เป็นทุน ไม่ใช่ทิ้งไปหรือให้ย่อยสลายเอง