"คิดถึงแม่"
-:กลอนแปดสุภาพ:-
๐จากไปแล้ว มารดา แก้วตาลูก
เคยพันผูก เลี้ยงลูกมา ชะตาเอ๋ย
ตั้งแต่เล็ก จนใหญ่ ได้ชมเชย
แม่ไม่เคย ทิ้งลูกไป จนไกลตาฯ
๐มาครานี้ แม่คนดี มาหนีจาก
พรหมมาพราก แม่ไป อาลัยหา
กรรมลิขิต กำหนดไว้ พิรัยลา
เป็นชะตา ฟ้ากำหนด ตามกฎเกณฑ์ฯ
๐คิดถึงแม่ คราใด ใจแทบขาด
เหมือนฟ้าพาด บังไว้ ไม่ให้เห็น
เกิดชาติหน้า ฉันใด ใคร่ขอเป็น
ขอให้เห็น ขอให้พบ ประสบกันฯ
๐ขอตั้งจิต อธิษฐาน สาบานไว้
ขอให้ได้ เป็นแม่ลูก ผูกใจฝัน
พระคุณแม่ เลิศล้น พ้นรำพัน
ขอให้ท่าน สู่ชั้นฟ้า สภาพรฯ
ต๋อย.(คนพเนจร)
๑๐/๐๘/๖๑ @ ๑๖.๐๐ น.
-:กลอนแปดสุภาพ:-
๐จากไปแล้ว มารดา แก้วตาลูก
เคยพันผูก เลี้ยงลูกมา ชะตาเอ๋ย
ตั้งแต่เล็ก จนใหญ่ ได้ชมเชย
แม่ไม่เคย ทิ้งลูกไป จนไกลตาฯ
๐มาครานี้ แม่คนดี มาหนีจาก
พรหมมาพราก แม่ไป อาลัยหา
กรรมลิขิต กำหนดไว้ พิรัยลา
เป็นชะตา ฟ้ากำหนด ตามกฎเกณฑ์ฯ
๐คิดถึงแม่ คราใด ใจแทบขาด
เหมือนฟ้าพาด บังไว้ ไม่ให้เห็น
เกิดชาติหน้า ฉันใด ใคร่ขอเป็น
ขอให้เห็น ขอให้พบ ประสบกันฯ
๐ขอตั้งจิต อธิษฐาน สาบานไว้
ขอให้ได้ เป็นแม่ลูก ผูกใจฝัน
พระคุณแม่ เลิศล้น พ้นรำพัน
ขอให้ท่าน สู่ชั้นฟ้า สภาพรฯ
ต๋อย.(คนพเนจร)
๑๐/๐๘/๖๑ @ ๑๖.๐๐ น.
"วันแม่แห่งชาติ"
-:กลอนแปดสุภาพ:-
๐ในวาระ ดิถี ที่บรรจบ
ราชสมภพ ราชินี ศรีสยาม
สิริกิต์ ทรงเกียรติก้อง ระบือนาม
ทุกเขตคาม ลือไกล ในโลกาฯ
๐ไท้ทรงเป็น คู่ใจ หทัยราชย์
ไท้องอาจ เสด็จไป ทุกทิศา
เหนือจดใต้ อีสาน ท่านก็มา
ปวงประชา เคารพ อบภิวันท์ฯ
๐แปดสิบสอง พระพรรษา มหาฤกษ์
ทรงเกียรติเกริก เบิกฟ้า นภาสวรรค์
ให้ท่านทรง สุขเกษม เปรมชีวัน
หฤหรรษ์ เริงรื่น ชื่นพระทัยฯ
๐อายุยืน ร้อยปี อย่ามีโศก
ปราศจากโรค โรคา พลาใส
เป็นมิ่งขวัญ พารา ประชาไทย
ขออวยชัย ให้ยืนยง ทรงพระเจริญฯ
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
ข้าพระพุทธเจ้า นายบริพัตร ศรีธรรม.
11 สิงหาคม 2557
-:กลอนแปดสุภาพ:-
๐ในวาระ ดิถี ที่บรรจบ
ราชสมภพ ราชินี ศรีสยาม
สิริกิต์ ทรงเกียรติก้อง ระบือนาม
ทุกเขตคาม ลือไกล ในโลกาฯ
๐ไท้ทรงเป็น คู่ใจ หทัยราชย์
ไท้องอาจ เสด็จไป ทุกทิศา
เหนือจดใต้ อีสาน ท่านก็มา
ปวงประชา เคารพ อบภิวันท์ฯ
๐แปดสิบสอง พระพรรษา มหาฤกษ์
ทรงเกียรติเกริก เบิกฟ้า นภาสวรรค์
ให้ท่านทรง สุขเกษม เปรมชีวัน
หฤหรรษ์ เริงรื่น ชื่นพระทัยฯ
๐อายุยืน ร้อยปี อย่ามีโศก
ปราศจากโรค โรคา พลาใส
เป็นมิ่งขวัญ พารา ประชาไทย
ขออวยชัย ให้ยืนยง ทรงพระเจริญฯ
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
ข้าพระพุทธเจ้า นายบริพัตร ศรีธรรม.
11 สิงหาคม 2557
“แม่สบายดีรึจ๊ะ”
สตรีร่างเล็กที่นั่งบรรจงรอยดอกไม้อยู่ในภาพนี้อาจเป็นเพียงหญิงธรรมดาสามัญคนหนึ่งในสายตาของคนบางคนผู้ไม่รู้จักคุ้นเคย แต่แท้จริงแล้วสมบัติที่ท่านได้มอบไว้ให้แก่ชาติไทยของเราชิ้นหนึ่งนั้นมีค่ายิ่ง เพราะสตรีในภาพคือเจ้าจอมมารดาชุ่มผู้นี้เป็นชนนีในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพ พระบิดาแห่งประวัติศาสตร์ไทยผู้เปี่ยมด้วยพระเกียรติคุณอันเนื่องมาจากผลงานที่เป็นพระกรณียกิจซึ่งมีปริมาณมหาศาลประมาณมิได้
เจ้าจอมมารดาชุ่มเป็นธิดาของพระยาอัพภันตริกามาตย์ (ดิศ โรจนดิศ) ผู้เป็นมหาดเล็กข้าหลวงเดิมในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ รัชกาลที่3มีผู้มาชักจูงแนะนำท่านไปรับราชกาลกับเจ้านายพระองค์อื่นจะให้มียศศักดิ์เป็นใหญ่เป็นโตท่านก็ไม่ยอมไปตอบแต่เพียงว่า”ไม่ขอเป็นข้าสองเจ้า”
สมัครจะเป็นข้าอยู่กับพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเพียงพระองค์เดียว
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า ฯ ถึงกับออกพระโอษฐ์ว่า บรรดาข้าหลวงเดิมคนอื่นนั้น เห็นผู้อื่นมีบุญก็มักเอาใจออกห่าง เคยเห็นใจมาเสียเเล้ว จะไม่เป็นเช่นนั้น ก็แต่อ้ายเฒ่าดิศ (กับใครอีกสองคน) เท่านั้น
เมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวขึ้นดำรงฉัตรเป็นพระมหากษัตริย์ของสยามประเทศ พระยาอัพภันตริกามาตย์ จึงนำธิดาของตนเข้าเฝ้าถวายตัวทำราชการฝ่ายในตามประเพณีมีเจ้าจอมมารดาเที่ยงผู้พี่และเจ้าจอมมารดาชุ่มผู้น้อง เป็นต้น คุณจอมมารดาชุ่มมีพระโอรสเพียงพระองค์เดียวคือ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอที่ออกพระนามแล้วนั้นข้างต้น
หม่อมเจ้าหญิงพูนพิสมัย ดิศกุล พระธิดาของสมเด็จ ฯ ทรงเล่าว่าเมื่อสมเด็จ ฯ ยังทรงเป็นแต่เพียงพระเจ้าลูกเธอชั้นเล็กในรัชกาลที่ ๔ โดยปกติแล้วจะได้ขึ้นเฝ้าสมเด็จพระบรมชนกนาถกับเจ้าจอมมารดา ครั้นเจ้าจอมมารดาเที่ยงซึ่งเป็นผู้ทำหน้าที่เจ้าจอมอยู่งานตั้งเครื่องถวายล้มเจ็บเจ้าจอมมารดาชุ่มได้เป็นผู้ตั้งเครื่องแทน สมเด็จฯ ทรงตามเข้าไปยืนเกาะโต๊ะเสวยซึ่งมีขนาดสูงราวพระเศียรแล้วตรัสกับคุณมารดาในเวลานั้น พระราชบิดาทรงลูบพระเศียร แล้วตรัสกับคุณมารดาว่า “ลูกคนนี้จะเป็นที่พึ่งของเอได้ต่อไป”
แต่ทั้งๆ ที่เป็นพระโอรสของคุณเจ้าจอมฯ เพียงพระองค์เดียว คุณจอมมารดาชุ่มก็ไม่เคยตามพระทัยสมเด็จฯ ในทางที่ผิดเลย หม่อมเจ้าหญิงพูนพิศมัย ทรงบันทึกไว้อีกตอนหนึ่งว่า
“คุณย่าไม่เคยตามพระทัยเลย คำสั่งเด็ดขาดนั้นคือ ปด ไม่ได้ ถ้าผิดต้องรับโดยดีว่าผิด มิฉะนั้นจะถูกตีมาก เสด็จไปไหนมาไหนก็ต้องมาเล่าให้แม่ฟังว่า เห็นอะไร ทำอะไรบ้าง ทรงเล่าว่า วันหนึ่งตามเสด็จออกไปข้างหน้า พบปากกาแก้วน้ำใสสี ๆ ตกอยู่ตรงขั้นบันไดก็ทรงเก็บเอามาเพราะโปรดเสียเหลือเกิน แต่พอถึงตำหนักคุณย่าก็ถามว่าเอามาจากไหน ? ท่านก็บอกความจริง แต่คุณย่าออกคำสั่งว่าให้กลับเอาไปวางไว้ที่เดิมเดี๋ยวนั้น ทรงเล่าว่าเสียดายเป็นกำลัง แต่ก็ต้องเอากลับไป ส่วนการเสวยก็ดีบรรทมก็ดี คุณย่าเลี้ยงอย่างอุดมสมบูรณ์ไม่เคยอดยาก เข้มงวดแต่ในเรื่องศีลธรรมและการงาน ”
ผลจากการอบรมอย่างเคร่งครัดของพระมารดาเช่นนี้ ทำให้สมเด็จฯ ผู้ทรงเป็นพระโอรสทรงพระเจริญขึ้นเป็นพระบรมวงศ์ที่งามพร้อมด้วยพระจริยวัตร และพระกรณียกิจ เจ้าจอมมารดาชุ่มผู้ทำงานสร้างทรัพยากรอันประเสริฐสุดของชาติแบบปิดทองหลังพระ ได้รับผลตอบแทนคือความชื่นใจที่พระโอรสได้เป็นที่พึ่งของท่าน สมดังพระราชดำรัสทำนายของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวไว้ทุกประการ
เมื่อสมเด็จฯ ทรงออกมาประทับที่วังวรดิศแล้ว ทรงขอให้คุณจอมมารดาชุ่มมาเป็นผู้ใหญ่อยู่ในวัง ทุกวันเวลาเช้าบรรทมตื่นแล้ว สรงพระพักตร์ แต่งพระองค์แล้วเสด็จเข้าบูชาพระบรมอัฐิในห้องพระ จากนั้นเสวยเครื่องเช้ามีนมถ้วยใหญ่แก้วหนึ่ง กาแฟนิดหน่อย ไข่และขนมปังกับผลไม้ระหว่างนั้นทรงงานไปพลางด้วย เวลาสายราว ๑๐ นาฬิกาครึ่ง เสด็จไปตำหนักใหญ่ไปเรือนคุณจอมมารดา พอเสด็จถึงก็ทรงหมอบกราบรับสั่งถามว่า “แม่สบายดีรึจ๊ะ” แล้วก็คุยกันเรื่องอื่นต่อไป บางครั้งก็ไปบอกข่าวต่างๆ บ้าง แต่อย่างไรต้องไปกราบทุกวันเวลาเช้า จนคุณจอมมารดาสิ้นบุญจึงยกเลิกกิจวัตรในข้อนี้
พวกเราลองคิดดูเถิดว่าผู้ที่เป็นมารดาจะชื่นใจสักปานใด ที่ยามเช้าของทุกวัน ลูกชายผู้เป็นสุดที่รักจะแวะมากราบลงพื้นแล้วถามว่า "แม่สบายดีรึจ๊ะ"
สตรีร่างเล็กที่นั่งบรรจงรอยดอกไม้อยู่ในภาพนี้อาจเป็นเพียงหญิงธรรมดาสามัญคนหนึ่งในสายตาของคนบางคนผู้ไม่รู้จักคุ้นเคย แต่แท้จริงแล้วสมบัติที่ท่านได้มอบไว้ให้แก่ชาติไทยของเราชิ้นหนึ่งนั้นมีค่ายิ่ง เพราะสตรีในภาพคือเจ้าจอมมารดาชุ่มผู้นี้เป็นชนนีในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพ พระบิดาแห่งประวัติศาสตร์ไทยผู้เปี่ยมด้วยพระเกียรติคุณอันเนื่องมาจากผลงานที่เป็นพระกรณียกิจซึ่งมีปริมาณมหาศาลประมาณมิได้
เจ้าจอมมารดาชุ่มเป็นธิดาของพระยาอัพภันตริกามาตย์ (ดิศ โรจนดิศ) ผู้เป็นมหาดเล็กข้าหลวงเดิมในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ รัชกาลที่3มีผู้มาชักจูงแนะนำท่านไปรับราชกาลกับเจ้านายพระองค์อื่นจะให้มียศศักดิ์เป็นใหญ่เป็นโตท่านก็ไม่ยอมไปตอบแต่เพียงว่า”ไม่ขอเป็นข้าสองเจ้า”
สมัครจะเป็นข้าอยู่กับพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเพียงพระองค์เดียว
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า ฯ ถึงกับออกพระโอษฐ์ว่า บรรดาข้าหลวงเดิมคนอื่นนั้น เห็นผู้อื่นมีบุญก็มักเอาใจออกห่าง เคยเห็นใจมาเสียเเล้ว จะไม่เป็นเช่นนั้น ก็แต่อ้ายเฒ่าดิศ (กับใครอีกสองคน) เท่านั้น
เมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวขึ้นดำรงฉัตรเป็นพระมหากษัตริย์ของสยามประเทศ พระยาอัพภันตริกามาตย์ จึงนำธิดาของตนเข้าเฝ้าถวายตัวทำราชการฝ่ายในตามประเพณีมีเจ้าจอมมารดาเที่ยงผู้พี่และเจ้าจอมมารดาชุ่มผู้น้อง เป็นต้น คุณจอมมารดาชุ่มมีพระโอรสเพียงพระองค์เดียวคือ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอที่ออกพระนามแล้วนั้นข้างต้น
หม่อมเจ้าหญิงพูนพิสมัย ดิศกุล พระธิดาของสมเด็จ ฯ ทรงเล่าว่าเมื่อสมเด็จ ฯ ยังทรงเป็นแต่เพียงพระเจ้าลูกเธอชั้นเล็กในรัชกาลที่ ๔ โดยปกติแล้วจะได้ขึ้นเฝ้าสมเด็จพระบรมชนกนาถกับเจ้าจอมมารดา ครั้นเจ้าจอมมารดาเที่ยงซึ่งเป็นผู้ทำหน้าที่เจ้าจอมอยู่งานตั้งเครื่องถวายล้มเจ็บเจ้าจอมมารดาชุ่มได้เป็นผู้ตั้งเครื่องแทน สมเด็จฯ ทรงตามเข้าไปยืนเกาะโต๊ะเสวยซึ่งมีขนาดสูงราวพระเศียรแล้วตรัสกับคุณมารดาในเวลานั้น พระราชบิดาทรงลูบพระเศียร แล้วตรัสกับคุณมารดาว่า “ลูกคนนี้จะเป็นที่พึ่งของเอได้ต่อไป”
แต่ทั้งๆ ที่เป็นพระโอรสของคุณเจ้าจอมฯ เพียงพระองค์เดียว คุณจอมมารดาชุ่มก็ไม่เคยตามพระทัยสมเด็จฯ ในทางที่ผิดเลย หม่อมเจ้าหญิงพูนพิศมัย ทรงบันทึกไว้อีกตอนหนึ่งว่า
“คุณย่าไม่เคยตามพระทัยเลย คำสั่งเด็ดขาดนั้นคือ ปด ไม่ได้ ถ้าผิดต้องรับโดยดีว่าผิด มิฉะนั้นจะถูกตีมาก เสด็จไปไหนมาไหนก็ต้องมาเล่าให้แม่ฟังว่า เห็นอะไร ทำอะไรบ้าง ทรงเล่าว่า วันหนึ่งตามเสด็จออกไปข้างหน้า พบปากกาแก้วน้ำใสสี ๆ ตกอยู่ตรงขั้นบันไดก็ทรงเก็บเอามาเพราะโปรดเสียเหลือเกิน แต่พอถึงตำหนักคุณย่าก็ถามว่าเอามาจากไหน ? ท่านก็บอกความจริง แต่คุณย่าออกคำสั่งว่าให้กลับเอาไปวางไว้ที่เดิมเดี๋ยวนั้น ทรงเล่าว่าเสียดายเป็นกำลัง แต่ก็ต้องเอากลับไป ส่วนการเสวยก็ดีบรรทมก็ดี คุณย่าเลี้ยงอย่างอุดมสมบูรณ์ไม่เคยอดยาก เข้มงวดแต่ในเรื่องศีลธรรมและการงาน ”
ผลจากการอบรมอย่างเคร่งครัดของพระมารดาเช่นนี้ ทำให้สมเด็จฯ ผู้ทรงเป็นพระโอรสทรงพระเจริญขึ้นเป็นพระบรมวงศ์ที่งามพร้อมด้วยพระจริยวัตร และพระกรณียกิจ เจ้าจอมมารดาชุ่มผู้ทำงานสร้างทรัพยากรอันประเสริฐสุดของชาติแบบปิดทองหลังพระ ได้รับผลตอบแทนคือความชื่นใจที่พระโอรสได้เป็นที่พึ่งของท่าน สมดังพระราชดำรัสทำนายของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวไว้ทุกประการ
เมื่อสมเด็จฯ ทรงออกมาประทับที่วังวรดิศแล้ว ทรงขอให้คุณจอมมารดาชุ่มมาเป็นผู้ใหญ่อยู่ในวัง ทุกวันเวลาเช้าบรรทมตื่นแล้ว สรงพระพักตร์ แต่งพระองค์แล้วเสด็จเข้าบูชาพระบรมอัฐิในห้องพระ จากนั้นเสวยเครื่องเช้ามีนมถ้วยใหญ่แก้วหนึ่ง กาแฟนิดหน่อย ไข่และขนมปังกับผลไม้ระหว่างนั้นทรงงานไปพลางด้วย เวลาสายราว ๑๐ นาฬิกาครึ่ง เสด็จไปตำหนักใหญ่ไปเรือนคุณจอมมารดา พอเสด็จถึงก็ทรงหมอบกราบรับสั่งถามว่า “แม่สบายดีรึจ๊ะ” แล้วก็คุยกันเรื่องอื่นต่อไป บางครั้งก็ไปบอกข่าวต่างๆ บ้าง แต่อย่างไรต้องไปกราบทุกวันเวลาเช้า จนคุณจอมมารดาสิ้นบุญจึงยกเลิกกิจวัตรในข้อนี้
พวกเราลองคิดดูเถิดว่าผู้ที่เป็นมารดาจะชื่นใจสักปานใด ที่ยามเช้าของทุกวัน ลูกชายผู้เป็นสุดที่รักจะแวะมากราบลงพื้นแล้วถามว่า "แม่สบายดีรึจ๊ะ"
No comments:
Post a Comment