“ หลงอนงค์ “
~กลอนแปดสุภาพ~
๐พี่เผลอมอง สองเนตร แม่เกศแก้ว
หลงรักแล้ว อนงค์นุช สุดไหลหลง
ทั้งเนตรปราง หว่างคิ้ว นิ้วอนงค์
อีกทรวดทรง องค์งาม อร่ามตาฯ
๐ดุจดังเทพ สรรสร้าง ให้นางน้อง
นวลละออง นงนุช สุดสรรหา
ให้ชายหลง ยามพบ สบยุพา
เยาวภา คนดี แม่ศรีเรือนฯ
๐บุญพี่มี ไม่พอ จะรอเจ้า
มีแต่เศร้า ร้าวใจ ดังใครเฉือน
เจ้าเป็นดาว แต่พี่ มิใช่เดือน
ต้องลาเลือน เลื่อนลับ ดับประกายฯ
๐ลาแล้วลา กานดา ยุพาพี่
ลาคนดี เฉิดฉวี มณีฉาย
ลาเมฆฝน บนฟ้า ดาราราย
ใจสลาย เพราะหลง อนงค์นางฯ
ต๋อย.(คนพเนจร)
๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๓
" กลิ่นราตรี "
~กลอนแปดสุภาพ~
๐วิหคน้อย ลอยเล่นลม ชมพฤกษา
บินไปมา เคียงคู่ ดูสุขสม
เมฆาเคลื่อน เลื่อนรับ กับสายลม
น้ำค้างพรม ชมชื่น รื่นราตรีฯ
๐ ดาวดวงน้อย ลอยเลื่อน เกลื่อนเวหา
เดือนดารา งามสลับ ขับแสงสี
จันทราทอ แสงอ่อน ผ่อนฤดี
เฉิดฉวี งามรับ จับนภาฯ
๐ เสียงขลุ่ยครวญ พลิ้วมา เพลาค่ำ
ช่างดื่มด่ำ เร้าใจ ดังใฝ่หา
เสนาะโสต โลดลิ่ว ปลิวลมมา
สุขหรรษา ไพเราะ เกาะกินใจฯ
๐ กลิ่นราตรี ลอยลม ให้ชมชื่น
หอมระรื่น รื่นรมย์ พรมไสว
นอนคนเดียว เปลี่ยวจิต สกิดใจ
ไม่มีใคร มีแต่ลม ชมแต่เงาฯ
ต๋อย.(คนพเนจร)
๒๖ ตุลาคม ๒๕๖๒
" ความทรงจำ ที่ไม่เคยลืมเลือน "
-: กลอนแปดสุภาพ :-
๐ ว่าถึงเพลง สากล ในอดีต
จึงอยากขีด เขียนไว้ ให้ได้รู้
ของBeatles ก็มี Love me do
Close to you ก็เพราะ เสนาะจังฯ
๐ Bernadine ได้ยิน ก็ร้องอ๋อ
เคยร้องคลอ ตามเสียง สำเนียงขลัง
One last kiss ตอนหนุ่ม ก็ชอบฟัง
ทั้งToo young, Let it be, She love youฯ
๐ Simon Say, My way, Crazy Love
ฟังแล้วเงิบ ไพเราะ เสนาะหู
คนรุ่นหลัง ควรหา มาฟังดู
G.I.Blue, Summer Kiss, Elvis ครวญฯ
๐ The young one ดังอยู่ มิรู้เบื่อ
Poor Boy เจือ แสนเศร้า เรากำศรวล
I'm Sorry, Brenda Lee พี่รัญจวน
โอ้เนื้อนวล พี่หวนคิด I miss youฯ
๐ ฟังGreenflied, Brother Four โอ้โห้เพราะ
แสนเสนาะ ไพเราะ เสนาะหู
ส่วน Johnny Horton ก็ชั้นครู
Only You, Patterครวญ รัญจวนใจฯ
๐ The mansion you stone ก็ oldy
อีก Pretty Woman ก็สดใส
เป็นผู้หญิง บานฉ่ำ ตำทรวงใน
More than I, can say ไม่เรรวนฯ
๐ ที่เขียนมา เพียงนิด ใคร่คิดบอก
เพียงย้อนยอก เอาไว้ ให้ใจหวน
พเนจร ท่องเที่ยวไป ใจรัญจวน
แค่คร่ำครวญ ใช่กวี ศรีสำอางค์ฯ
๐ ขอลาแล้ว ลาคนดี มณีนุช
งามผ่องผุด สุดนภา อย่าหมองหมาง
ฟังดนตรี แล้วชื่นใจ ไม่อำพราง
ทุกนายนาง จงมีสุข ทุกทิวาฯ
ต๋อย. ( คนพเนจร )
๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ @ ๑๗.๐๐ น.
"ดาวรู้ไหม"
๐เมื่อเหน็ดเหนื่อย เมื่อยล้า และว้าเหว่
ขวัญจะเร่ ร่อนคว้าง ถึงกลางหาว
แล้ววอนถาม ความหมอง ของหมู่ดาว
ซ่อนแสงพราว พรุบหรู่ อยู่ทำไม
๐เห็นใครคว้าง อย่างนี้ มีไหมเล่า
จะว่าเศร้า ก็ไม่เศร้า ...ดาวรู้ไหม
หากแต่ว่า แพ้ตัว แพ้หัวใจ
ที่เฉยเมย ซ่อนไว้ ซึ่งไยดี
๐เห็นเคยเห็น ดาวคว้าง อย่างคนเคว้ง
ปลอบตัวเอง อุ่นใจ อย่างไรนี่
หรือแอบหมอก หยอกฟ้า มานานปี
จนดาวมี ฟ้าเสมือน เป็นเพื่อนคิด
๐อิจฉาดาว พราวแสง เหมือนแสร้งเยาะ
กระทบเหมาะ แววว้าง ตรงกลางจิต
ตาจึงวาบ ปลาบละห้อย เพียงน้อยนิด
แล้วเม้นมิด ซ่อนหมาง อยู่อย่างเดิม
๐เพราะรักสิทธิ์ อิสระ เกินจะทุกข์
จึงซ่อนซุก ความรู้สึก ไม่ฮึกเหิม
เมื่อดาวหมาย ปรายตา มาเยาะเติม
ชีวิตเพิ่ม สิ่งใด...รู้ไหมดาว
๐เพิ่มชีวิต เข้มแข็ง ให้แกร่งกล้า
ให้เชิดหน้า ท้ามอง ถึงห้องหาว
ยิ้มเยาะโลก โชคชะตา มานานยาว
ซ่อนน้ำพราว ท่วมทั่ว รดหัวใจ
ม.ร.ว. อรฉัตร ซองทอง เป็นตำนานของนักกลอนอักษรศาสตร์ยุคชมรมวรรณศิลป์