
Thursday, March 25, 2010
Sunday, March 7, 2010
FARMER BOY



ใครที่ไม่เคยเห็นน้ำเหนือเป็นอย่างไรคงต้องบรรยายให้ฟังกันสักนิด ในช่วงฤดูฝนของทุกปีเมื่อประมาณ 30 กว่าก่อน จะตรงกับช่วงฤดูฝน เราคงรู้กันอยู่แล้วว่าแม่น้าเจ้าพระยานั้นเกิดจากการใหลมารวมตัวกนของแม่น้ำ 4 สายจากตอนเหนือของประเทศไทยเราคือ ปิง วัง ยม น่าน ในช่วงฤดูฝนแม่น้ำทั้ง 4 สายจะอุ้มน้ำฝนมากมายมหาศาลไหลถ่ายเทลงมาที่แม่น้ำเจ้าพระยา นอกจากน้ำฝนแล้วสายน้ำยังกวาดเอาดินโคลนจากภาคเหนือลงมาด้วย แม่น้ำเจ้าพระยาจะเป็นสีแดงข้น ระดับน้ำจะสูงจนน่ำกลัวและสายน้ำจะไหลเชี่ยวมาก สายน้ำเหนือสีแดงขุ่นที่ไหลซอกซอนไปตามลุ่มน้ำต่างๆ ในภาคกลางผสมกับน้ำใสในลำคลองที่เราใช้อาบใช้กินใช้ทำไร่สวนกันอยู่ จะทำให้หมู่กุ้งปลาในลำน้ำหายใจกันลำบากเพราะความขุ่นข้นของน้ำเหนือ ที่ทำให้ระดังอ๊อกซิเจนในน้ำเปลี่ยนแปลงไป ทำให้พวกกุ้งปลาเหล่านั้นพากันลอยคอขี้นมาหายใจแบบเชื่องๆ ให้พวกเราได้จับกินกันอย่างง่ายดาย

ชีวิตที่มีความผูกพันกับสายน้ำอย่างพวกเราวันๆ หนึ่งก็หนีน้ำไปไม่พ้น ยิ่งฤดูน้ำหลากเชี่ยวยิ่งมีแรงดึงดูดท้าทายให้เด็กๆ อย่างพวกเราได้ลงไปลอยคอโต้กระแสน้ำกันทุกวัน เรือพ่วง เรือหาง เรือแท๊กซี่ ยามวิ่งทวนน้ำเชี่ยวอย่างช้าๆ มันจะชวนให้พวกเราว่ายตัดกระแสน้ำไปเกาะเรือเล่นไปไกลๆ แล้วปล่อยตัวลอยตามน้ำกลับมาอย่างสนุกสนาน แต่จริงๆ แล้วเจ้าของเรือเหล่านั้นไม่ได้สนุกไปกับพวกเราด้วย เพราะมันเป็นเรื่องอันตรายอย่างสุดๆ ทั้งพวกเราและพวกเรือรู้กันดีว่าหากพวกเราพลาด มันหมายถืงอันตรายที่อาจคร่าชีวิตเราได้ และพวกเราก็ได้เห็นตัวอย่างบทเรียนกัน ไม่ว่าจะโดนน้ำดูดไปใต้เรือแทบเอาชีวิตไม่รอด บ้างก็โดนใบพัดบาดเอาสาหัส และที่จมหายไปกลายเป็นศพลอยน้ำก็มีให้เห็นอยู่ไม่ขาด แต่พวกเราก็ไมกลัวกัน วันไหนมี่ศพลอยน้ำทำขื้นที่ท่าวัด พวกเราจะหยุดเล่นน้ำกันไปซักอาทิตย์พอให้หายแหยง แล้วก็ลงมาลอยคอก้นใหม่ไม่ช้านาน พวกชาวเรือก็ขยาดพวกเราเหมือนกันทั้งด่าทอห้ามปรามกันอย่างไรก็หยุดพวกเราไม่ได้ บางรายก็เอารวดหนามมาพันสะขอบเรือเอาไว้กันพวกเราเกาะเรือ ทำให้พวกเรามือแหกไปตามๆ กัน

คลองบางกอกน้อยในสมัยเด็กๆ ความรู้สึกที่ผมเห็นมันกว้างให่ญ่มากแถมกระแสน้ำก็เชี่ยว ไม่สามารถว่ายน้ำข้ามคลองตัดไปตรงๆ ได้ ต้องกะจังหวะให้ดีเพราะจะถูกน้ำพัดเฉียงห่างออกไปมาก การว่ายน้ำข้ามคลองไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องแข็งแรง ต้องกะจังหวะเรื่อให้ดีเพราะคลองบางกอกน้อยมีเรื่อวิ่งชุกชุม โดยเฉพาะเรื่อหางยาวที่วิงเร็วมาก และหางเรืออันตรายสุดๆ ถ้าจะว่ายน้ำข้ามคลองต้องดูให้ดีและต้องกะจุดหมายไว้ด้วย ใครที่ว่ายน้ำข้ามคลองบางกอกน้อยไปกลับได้ถือว่าจบหลักสูตรการว่ายน้ำมาตรฐานของพวกเรา อย่าลืมว่าการว่ายน้าข้ามคลองเป้นการวัดจิตใจกันด้วย หากใครต้องการพิสูจน์ใจตัวเองลองว่ายน้ำไปกลางคลองน้ำเชี่ยวมองฝั่งหมายยังอยู่อีกไกล เรือหางก็วิ่งอย่างรวดเร็วเสียงเครื่องตวาดลั่นคลอง น้ำก็แรงดึงตัวเราจนต้านแทบไม่อยู่ แล้วยังต้องว่ายน้ำตัดไปอีกฝั่งให้ได้ถึงจุดหมาย ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นเลย

Tuesday, March 2, 2010
WINTER IN TORONTO

หลังจากการเดินทางผ่านฤดูหนาวในทวีปอเมริกาเหนือมาถึง 20 ฤดูแล้ว ทำให้ภาพวิจิตรสวยงามของฤดูแห่งความหนาวเย็นในแคนาดา ไม่ได้เป็นเรื่องแปลกตาอีกต่อไป แต่บางครั้งก็ออกอาการเบื่อและก็อึดอัดกับการแต่งกายด้วยเสื่อผ้าหนาๆ หลายชั้นเพื่อต่อสู้กับความหนาวเย็นจับขั้วหัวใจ และกับการเดินทางที่แสนลำบากยากเย็น โดยเฉพาะต้องขับรถไปบนถนนที่ปกคลุมได้ด้วยน้ำแข็งเต็มไปด้วยอันตราย หรือแม้จะเดินเท้าก็อาจลื่นหกล้มเจ็บตัวได้
ในปีแรกที่มาอยู่ในเมืองโตรอนโต ทุกสิ่งทุกอย่างมันแปลกตาไปหมด โดยเฉพาะฤดูกาลทั้ง 4 ของอเมริกาเหนือ ที่สลับผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาให้ตื่นตาตื่นใจกัน เคยคิดจะบันทึกออกมาเป็นเรื่องราวเล่าสู่กันฟัง แต่ตั้งแต่ครั้งนั้นจนบัตนี้ก็ยังไม่ได้ลงมือเขียนเรื่องเหล่านั้นออกมา

จะเป็นด้วยปัญหาโลกร้อนหรืออะไรก็แล้วแต่ ฤดูหนาวในแคนาดาเริ่มเปลี่ยนไป ที่โตรอนโตหิมะตกน้อยลง อากาศก็ไม่ได้เยือกเย็นยาวนานเหมือนเคย ในปีนี้ยิ่งน้อยกว่าปกติแต่พายุกลับหอบหิมะน้ำแข็งลงใต้ข้ามไปตกหนักในอเมริกาท่วมเมืองนิวยอร์คและวอชิงตันดีซี ด้วยความเป็นห่วงกลัวว่าฤดูหนาวจะหดหายไปจากแคนาดาเลยต้องเขียนบันทึกทั้งเรื่องราวและภาพถ่ายของโตรอนโตเอาไว้ในที่นี้ เมือ่งโตรอนโตโดยปกติจะหนาวเย็นน้อยที่สุดในแคนาดาฝั่งตะวันออก (ฝั่งตะวันตกว่ากันว่าแวนคูเวอร์อากาศดีที่สุด) เพราะอยู่ทางใต้สุดของประเทศเป็นเขตติดต่อกับรัฐนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา ถึงแม้จะพูดว่าหนาวเย็นน้อยที่สุดแต่ก็เย็นติดลบ 20 องศาเซลเซียส หากมีกระแสลมจะติดลบถึง 40 องศา เหมือนกัน (ติดลบนะครับ ลองเปรียบเทียบกับอุณหภูมิในช่องแข็งตุ้เย็นที่บ้านก็จะติดลบประมาณ 4 องศา หนาวขนาดไหนคิดดูเอาเองก็แล้วกัน) เราไม่ต้องไปเปรียบเทียบกับเมือ่งต่างๆ ทางตอนเหนือ มอนทรีโอ, ควิเบค ที่หนาวเย็นสุดๆ หรือเอาที่เหนือจากเมือ่งเหล่านี้ขึ้นไปอีกจนสุดเขตที่ขั้วโลกเหนือก็จะหนาวตลอดปี พื้นที่ประเทศแคนาดาเกินกว่าครึ่งหนึ่งถูกแช่อยู่ใต้น้ำแข็งมาเป็นล้านๆ ปี ว่าแต่ว่าแล้วมนุษย์จะอยู่กันได้หรือ ขอให้ดาภาพประกอบด้านล่างนี้


Subscribe to:
Posts (Atom)