1.
จาง เซีย เหลียง
ถือเป็นจอมพลในรัฐบาลเจียงไคเช๊ค
ได้เปิดเผยเรื่องราวในชีวิตว่ามีผู้หญิงมาติดพันอยู่ 11 คน
มีชู้อยู่คนหนึ่งแซ่จ้าว นางคนนี้สมสู่ติดพันกันตั่งแต่นางอายุ 16 ปี
ว่ากันว่าถ้าคบกัน 1 ปี ถือว่าเป็นชู้ 3 ปีถือว่าเป็นกิ๊ก แต่นี่อยู่กันตั้ง 60 ปี
จางเซียเหลียง มีอายุยืนถึง 100 ปี จึงกลายเป็นความรักอมตะ
นิทานเรื่องนี้ให้แนวคิดว่า เรื่องหลายเรื่องไม่ได้ดูที่ทำหรือไม่ทำ
แต่ดูที่ว่าท่านทำนานแค่ไหน
2.
ในต้นยุคสาธารณะรัฐประชาชนจีน
มีโสเภณีเด่นอยู่นางหนึ่ง ทั้งรูปสวยและมีความรู้มากมายมีชื่อว่าหงษ์น้อย
ในยุคนั้นถ้านางพัวพันกับชาวนาหรือกรรมกรก็คงถูกกวาดล้างอย่างไม่ไว้หน้า
แต่นางเป็นชู้กับนายพลไช่เอ๋อ เลยมีชื่อจารีกไวในประวัติศาสตร์
ถ้าหากนางคบกับประธานาธิบดีก็คงจะได้เป็น First Lady นิทานเรื่องนี้ให้แนวคิดว่า คุณจะทำอะไรไม่สำคัญ สำคัญว่าคุณทำกับใคร
3.
เกิดไฟไหม้ที่โรงอาบน้ำหญิง
หญิงเปลือยกายล่อนจ้อนวิ่งหนีตายออกบนท้องถนน ตาแก่คนหนึ่ีงร้องตะโกนฮาป่า
บรรดาหญิงเปลือยนึกขึ้นได้ต่างพยายามเอามือปกปิด แต่จุดล่อแหลมมีอยู่หลายจุด
จึงต่างจ้าละหวั่นทำอะไรไม่ถูก
สุดท้ายตาแก่ตะโกนบอกปิดหน้าซิโว้ยก็เพราะข้างล่างมันเหมือนกันหมด นิทานเรื่องนี้ให้แนวความคิดว่า
ในความฉุกเฉินไม่อาจทำอะไรได้รอบคอบทั้งหมด จับจุดสำคัญก็พอ
4.
สาวใหญ่แจ้งความกับตำรวจ
ดิฉันเสียบกระเป๋าสตางค์ไว้ในยกทรงเบียดเสียดอยู่ในรถไฟใต้ดินจนถูกหนุ่มหล่อสูงวัยล้วงกระเป๋าไป
ตำรวจขมวดคิ้วว่าล้วงในจุดล่อแหลมขนาดนี้คุณไม่รู้สึกตัวเลยหรือ
สาวใหญ่ตอบเหนียมว่า ก็ไม่นึกว่าเค้าตั้งใจจะล้วงกระเป๋า
นิทานเรื่องนี้ให้แนวคิดว่า
การทำให้ลุกค้าตกอยู่ในภาวะเคลิบเคลิ้มพอใจที่จะถูกรีดเงิน
เป็นชั้นเชิงสูงสุดทางธุรกิจ
5.
บริษัทติดข้อความหน้าโถปัสสาวะ “ก้าวออกมาอีกนิดใกล้ชิดอารยะธรรม” แต่พื้นก็ไม่วายมีฉี่เรี่ยราดเปียกแฉะอยู่ตลอด
บริษัทศึกษาบทเรียนอย่างจริงจังแล้วปรับแผนใหม่ดังนี้ “ฉี่ไม่ตรงเป้าแสดงวาของคุณอ่อน
ฉี่เล็ดออกมาก่อนแสดงว่าของคุณสั้น” ผลปรากฎว่าพื้นสะอาดขึ้นกว่าเดิมมากมาย
นิทานเรื่องนี้ให้แนวความคิดว่าการให้คำแนะนำกับลูกค้าต้องเป็นรูปธรรมและแทงถูกใจดำ
6.
วันหนึ่งเลขานุการสาวตีหน้าขึงขังกับผู้จัดการบอกว่า
ดิฉันตั้งท้อง
ผู้จัดการได้ยินดังนั้นยังคงก้มหน้าอ่านเอกสารแล้วตีหน้าตายแล้วพูดว่าผมทำหมันตั้งนานแล้ว
ตั้งแต่ลูกชายเกิด เลขานุการได้ยินดังนั้นก็หน้าซีดตกตะลีงอยู่พักใหญ่
แล้วตีหน้ายิ้มขี้นมาพูดว่า ดิฉันพูดเล่นค่ะ ผู้จัดการเงยหน้าขึ้นมาแล้วบอกว่า
ผมก็เหมือนกัน แล้วก้มหน้าจิบน้ำชาอ่านเอกสารต่อ นิทานเรื่องนี้ให้แนวคิดว่า
คนที่อยู่ในสังเวียนต้องไม่ตระหนกตกใจง่ายเมื่อเจอกับภาวะวิกฤต
แม้มีปืนเล็งมาก็ตั้งตัวรับได้
7.
สามชายหนุ่มไปขอลูกสาวในคราวเดียวกัน ว่าที่พ่อตาบอกให้แต่ละคนแนะนำตัว
คนแรกบอกว่าผมมีเงิน 10 ล้าน คนที่สองบอกว่าผมมีคฤหาสมูลค่า 20 ล้าน
ว่าที่พ่อตาฟังแล้วรู้สึกพอใจมาก เลยถามหนุ่นคนที่สามแล้วคุณล่ะมีอะไร
ผมไม่มีอะไรมีแต่ลูกที่อยู่ในท้องลุกสาวคุณ
หนุ่มคนแรกกับคนที่สองได้ยินแล้วรีบลาจาก
นิทานเรื่องนี้ให้แนวคิดว่า
อำนาจการแข่งขันไม่ได้อยู่ที่กำลังทรัพย์แต่อยู่ที่การจัดการวางคนของเราในตำแหน่งที่สำคัญ
8.
เถ้าแก่เบื่อเมียลับเต็มทน
เมียลับเริ่มแก่ตัวจึงของเงินค่าเลี้ยงดูเป็นก้อนใหญ่ เถ้าแก่คิดจะฆ่าปิดปากแต่
ผู้จัดการคนสนิทออกอุบายให้เถ้าแก่ออกเงินหนึ่งแสนหยวนให้เมียลับไปเรียน MBA โดยให้เหตุผลว่าเพื่อยกระดับการศึกษา
เมื่อเมียลับได้ไปเรียนต่อในห้องเรียนMBA มีแต่นักศึกษาระดับเถ้าแก่
ซึ่งต่างหลงไหลในนักศึกษาเมียลับคนนี้ ไม่ช้าไม่นานเมียลับก็ไม่ขออยู่กับเถ้าแก่
แถมยังให้เงินหนึ่งล้านหยวนแก่ผู้จัดการเป็นค่าปิดปาก
นิทานเรื่องนี้ให้แนวความคิดว่า การจัดการทรัพย์สินด้อยคุณภาพของธุรกิจ
วิธีที่ดีที่สุดคือย้อมแม้วตกแต่งแล้วแปลงค่าทรัพย์สินให้เป็นทุน
ไม่ใช่ทิ้งไปหรือให้ย่อยสลายเอง